มีความสุข อยู่กับสิ่งที่ชอบ
ด้วยการจัดระเบียบชีวิตแบบ ‘Spark Joy’
‘มีเท่าไหร่ถึงจะพอ’ เป็นคำถามที่เรามักถามกับตัวเอง หรือเกิดขึ้นในวงสนทนาเมื่อเริ่มต้นทำงาน ซึ่งคำตอบมักออกมาในรูปแบบของจำนวนเงิน เช่น มีเงินมากแค่ไหนถึงจะรู้สึกมั่นคง และคำถามนี้คงไม่ได้โฟกัสแค่เฉพาะเรื่องเงิน ความจริงแล้วสามารถตั้งคำถาม ‘มีเท่าไหร่ถึงจะพอ’ ได้กับทุกเรื่อง แต่เมื่อนึกถึงคำตอบ มันก็ดูไม่ง่ายเลยที่จะตอบคำถามนี้ ทำให้นึกถึงหนังสือของ Marie Kondo พูดถึงเทคนิคการจัดบ้านที่น่าสนใจ ซึ่งคนส่วนใหญ่เวลาจัดบ้านมักจะถามว่า อันนี้ทิ้งได้ไหม แต่จริง ๆ แล้วคำถามสำคัญสำหรับ Marie Kondo ไม่ใช่การจะทิ้งอะไร แต่เป็น จะเก็บอะไรไว้ ต่างหาก ซึ่งเป็นการตัดสินใจว่าเราจะเก็บสิ่งนี้ไว้ไหม หรือที่เรียกว่า ‘Spark Joy’
Spark Joy ความรู้สึกเชิงบวก ที่เกิดขึ้นเมื่อสัมผัสสิ่งของ
Spark Joy คือ การที่คุณหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมา แล้วของสิ่งนั้น ยังทำปฏิกิริยาอะไรกับหัวใจอยู่หรือเปล่า เว้าวอน หรือมีเยื่อใยที่ไม่อยากทิ้งมันไปอยู่ไหม แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่หยิบของอีกสิ่งหนึ่งขึ้นมาแล้วรู้สึกว่า จะมีหรือไม่มีก็ไม่รู้สึกว่าแตกต่าง นั่นแปลว่า คุณทิ้งของชิ้นนั้นไปได้แล้ว
เมื่อคุณรู้สึกไม่ Spark Joy กับอะไรแล้ว แสดงว่า ของสิ่งนั้นไม่ต้องมีในชีวิตก็ได้ หรืออาจจะบอกได้ว่า Spark Joy เป็นการจุดประกายความสุขจากความรู้สึกเชิงบวก เมื่อหยิบจับสิ่งของบางอย่าง ถ้าสิ่งไหนทำให้มีความสุขก็รักษามันไว้ แต่ถ้าสิ่งไหนทำให้รู้สึกแย่ก็แค่โยนมันทิ้งไป
แก่นสำคัญของการจัดบ้าน นอกจากจะเป็นระเบียบแล้ว ยังทำให้คุณได้อยู่ท่ามกลางของที่ชอบ และคำถามที่เป็นกุญแจสำคัญของการจัดบ้าน คือ เราอยากมีชีวิตอยู่ท่ามกลางของแบบไหน เช่น ชายหนุ่มคนหนึ่งมีความคิดเอาไว้ว่า หากมีห้องนอนส่วนตัว เขาอยากจะตกแต่งห้องให้เป็นในแบบที่เขาชอบ แต่ปรากฏว่าเมื่อมีห้องนอนจริง ๆ แล้ว ของที่อยู่ในห้องกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ อาจเป็นเพราะคนในครอบครัวจัดการเรื่องตกแต่งห้องเอาไว้แล้ว หรือแม้กระทั่งตัวคุณเองที่อาจจะนำโปสเตอร์ของอะไรสักอย่างที่กำลังเป็นกระแสอยู่มาติดที่ผนังห้อง สุดท้ายแล้ว ของทุกอย่างที่มาประกอบรวมกัน มันกลับทำลายภาพที่ตั้งใจไว้ ทำลายสิ่งที่เคยฝัน แล้วคุณก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องที่อยากจะอยู่จริง ๆ ทำให้ในห้องเต็มไปด้วยสิ่งของที่ไม่ Spark Joy
Spark Joy สำคัญที่คุณค่า ไม่ใช่จำนวน
Spark Joy อาจเป็นคำที่ไม่คงทนถาวรไปตลอดชีวิต เพราะ สิ่งที่ Spark Joy ในวันนี้ อีก 2 ปีข้างหน้า อาจไม่ Spark Joy กับมันแล้ว หรือสิ่งที่เคย Spark Joy เมื่อ 5 ปีก่อน เมื่อหยิบขึ้นมาในวันนี้ คุณอาจพร้อมทิ้งมันไปจากชีวิตเลยก็ได้ เช่น คุณอาจเคยมีของที่แฟนเก่าให้ไว้ แล้วรู้สึกว่าสำคัญมากกับชีวิต จนเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ก็เปลี่ยนแปลง สิ่งของที่ถูกหยิบขึ้นมาในวันนี้อาจเป็นความเศร้าแทนความสุข มันอาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องทิ้งมันไปจากชีวิต แล้วชีวิตจะเหลือแต่สิ่งที่มีคุณค่า และควรที่จะอยู่กับคุณจริง ๆ
Spark Joy แตกต่างกับ Minimalist เพราะความสำคัญไม่ได้อยู่ที่จำนวน แต่อยู่ที่คุณค่า จะมีจำนวนเท่าไหร่ก็ได้ ตราบเท่าที่สิ่งเหล่านั้นมันยังมีคุณค่ากับชีวิต นอกจากการพูดถึงสิ่งของแล้ว เรื่องงานก็สามารถตั้งคำถาม ‘มีเท่าไหร่ถึงจะพอ’ ได้ บางครั้งที่คุณทำงานไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอาชีพฟรีแลนซ์ อาจถึงจุดหนึ่งที่รับงานทุกสิ่งทุกอย่างหรือโลภกับโอกาส จนทำให้ชีวิตปั่นป่วน วุ่นวาย อาจถึงเวลาที่เราต้องฉุกคิดและกลับมามองตัวเองว่ามีงานไหนที่ยัง Spark Joy อยู่ ยังทำแล้วเพลิดเพลิน มีความสุข พยายามตัดสิ่งที่ไม่ Spark Joy กับมันแล้วออกไป เพื่อทำให้ไม่เหนื่อยจนเกินไป และเพิ่มคุณภาพงานที่อยากจะโฟกัสจริง ๆ
ตั้งใจจะตัดสิ่งที่ไม่ Spark Joy ออกไป แต่ก็ยังทำไม่ได้สักที เรามีทางออกมาให้ด้วย เทคนิคการตั้งเป้าหมาย ตั้งอย่างไรให้ทำได้สำเร็จ «« คลิกเลย
สิ่งที่เป็นจุดสำคัญของ Spark Joy คือ จังหวะการเลือก ว่าสิ่งนี้ควรนำเข้ามาในชีวิตหรือเปล่า หรือตัดสินใจว่าสิ่งนี้ควรจะถูกเอาออกจากชีวิตแล้วหรือยัง ซึ่งจังหวะเหล่านี้ต้องอาศัยสิ่งสำคัญ ที่เรียกว่า สติ ชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย ห้องที่รกเต็มไปด้วยของไม่จำเป็น เกิดขึ้นจากการไม่มีสติในจังหวะที่จะเลือกสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในห้องหรือชีวิต แล้วคุณก็ใส่มันเพิ่มเข้าไปด้วยอารมณ์ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ จะดีกว่าหากในชีวิตของคุณแวดล้อมไปด้วยสิ่งที่ให้คุณค่าจริง ๆ ไม่ใช่ชีวิตที่ให้คนอื่นคอยบอกว่ามันต้องมี และที่สำคัญต้องใช้ชีวิตที่มัน Spark Joy กับตัวเองด้วย