Search
Close this search box.
วิธีตั้งเป้าหมายปีใหม่

วิธีตั้งเป้าหมายปีใหม่ ตั้งอย่างไรให้ทำสำเร็จได้จริง

วิธีตั้งเป้าหมายปีใหม่เป็นสิ่งแรกที่ทุกคนมักลิสต์เอาไว้เพื่อเป็นแรงผลักดันตัวเอง แต่เป้าหมายในชีวิตของคนเราย่อมมีแตกต่างกันออกไป หลายคนที่ทำ New Year Resolution หรือตั้งเป้าหมายปีใหม่ไว้อย่างดิบดี แต่สุดท้ายกลับทำได้เพียงเดือนสองเดือนเท่านั้น แล้วสิ่งตั้งใจไว้ก็ค่อย ๆ เดินทางช้าลงและถูกวางมือไปในที่สุด เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมตอนเราตั้งเป้าหมายก็ตั้งใจมาก มุ่งมั่นที่จะทำแบบสุดตัว แต่พอเวลาผ่านไปเรากลับไม่สามารถทำตามเป้าหมายเหล่านั้นได้สักที เพื่อหนทางสู่การทำเป้าหมายให้สำเร็จในปีใหม่นี้ มาไขข้อข้องใจ หาสาเหตุ พร้อมเฉลยวิธีตั้งเป้าหมายปีใหม่ที่ทำได้จริง!

มนุษย์เป็นแหล่งรวมความเคยชิน

มนุษย์เป็นแหล่งรวมความเคยชิน

การจะทำเป้าหมายให้สำเร็จเนี่ย ทุกคนย่อมรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีต่อชีวิต แต่ทำไมเราถึงเลือกทำสิ่งที่ไม่ดีอยู่บ่อยครั้ง ไม่เลือกทำแต่สิ่งที่ดีต่อชีวิต เช่นเดียวกันกับหลายคนที่มีความรู้ อ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ ได้เทคนิคใช้ชีวิตมากมายแต่ชีวิตกลับไร้การเปลี่ยนแปลง ก็เพราะปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ รู้แต่ไม่ทำ ซึ่งความรู้ที่ไม่ลงมือทำก็อาจจะไม่มีความหมายอะไรเลย และส่วนใหญ่แล้วมันมักจะเป็นแบบนั้น ในหนังสือ ‘The Happiness Advantage ความสุขกับความสำเร็จอะไรเกิดขึ้นก่อนกัน’ ของ Shawn Achor นักวิจัยจาก Harvard University ได้บอกไว้ว่า มนุษย์เราเป็นแหล่งรวมความเคยชิน เราทำหลายสิ่งหลายอย่างโดยอัตโนมัติ เพราะธรรมชาติของสมองจะเรียนรู้จากการทำซ้ำ พอสมองจดจำได้แล้วเราก็จะทำสิ่งต่าง ๆ ไปโดยอัตโนมัติ การทำสิ่งใหม่จึงเป็นเรื่องยาก

มนุษย์เราเป็นแหล่งรวมความเคยชิน

การสร้างความเคยชินใหม่เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาว เป็นการทำเรื่อย ๆ ทำจนติดเป็นนิสัย มีการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในสมองว่า ในสมองของเราจะมีเซลล์สมองเป็นพันล้านเซลล์ แต่ละเซลล์จะพยายามเชื่อมต่อกัน ซึ่งเส้นที่เชื่อมต่อระหว่างประสาทเข้าด้วยกัน เส้นเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อก่อให้เกิดคำสั่ง และนำไปสู่ความคิด การกระทำต่าง ๆ ยิ่งเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งบ่อยเท่าไหร่ พวกเซลล์ก็จะเชื่อมต่อได้ดีมากขึ้นเท่านั้น และหากถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันบ่อย ๆ ก็จะทำให้เซลล์แข็งแรง แล้วคำสั่งที่เป็นคำสั่งเดิมก็จะเดินทางได้เร็วกว่าเก่า ส่งผลให้เราทำสิ่งที่ยากได้ง่ายขึ้น

สิ่งที่คิด VS สิ่งที่เกิดขึ้นจริง

สิ่งที่คิด VS สิ่งที่เกิดขึ้นจริง

เรามักจินตนาการล่วงหน้าไว้เสมอ เช่น พรุ่งนี้เช้าจะตื่นไปวิ่ง หรือ สัปดาห์นี้จะอ่านหนังสือเล่มนั้นให้จบ หรือ เดือนนี้จะไม่กินเหล้า เวลาเรานึกถึงความตั้งใจเหล่านี้ก็จะนำมาสู่ภาพที่ดูดีมาก เห็นตัวเองมีหุ่น Fit & Firm วิ่งอยู่ในสวนสาธารณะ มีสุขภาพดี กินอาหารครบ 5 หมู่ หยิบหนังสือมาอ่านอย่างตั้งใจ ใช้ชีวิตกับครอบครัวมากกว่าการออกไปสังสรรค์ตอนกลางคืน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นยังไงล่ะ ? ตื่นเช้าวันถัดมาก็ยังนอนอืดอยู่บนเตียง กลับบ้านมาก็ไม่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน กลับหยิบรีโมทเปิดซีรีส์ดูแทน หรือแวะสังสรรค์กินเหล้ากับเพื่อนเหมือนเคย ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะ สมองของเรามักจะเลือกทำในหนทางที่ง่ายที่สุดเสมอ ง่ายแบบแรก คือ ความชิน เราชินกับการนอนตื่นสายมากกว่าตื่นเช้า ชินกับการดูซีรีส์มากกว่าอ่านหนังสือ เราเรียกมันว่า ความสุข และความง่ายอีกแบบ คือ การเข้าถึงสิ่งนั้นได้ง่ายกว่า เช่น การนอนต่อง่ายกว่าตื่นมาแต่งตัวไปวิ่ง การหยิบสมาร์ทโฟนง่ายกว่าที่จะไปรื้อกองหนังสือที่มีมากมาย ความง่ายเหล่านี้นี่แหละเป็นตัวขัดขวางให้ทำตามเป้าหมายให้สำเร็จได้ยาก เราเลยมีเคล็ดลับเป็นวิธีตั้งเป้าหมายปีใหม่ ตั้งยังไงให้ทำได้สำเร็จมาฝาก

7 วิธีตั้งเป้าหมายปีใหม่ ตั้งอย่างไรให้ทำได้จริง

1.เขยิบตัวขัดขวางออกไปให้ไกล

สงสัยไหมว่า ทำไมถึงยังผอมไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ ? เพราะ คนเราไม่ยอมเอาสิ่งที่ขัดขวางออกไปจากบ้าน มักซื้อขนมติดบ้านไว้ อย่างน้อยมีไว้สักหน่อยก็อุ่นใจ เกิดหิวขึ้นมาก็ยังมีขนมให้หยิบมันขึ้นมากินได้ พอหมดก็ซื้อมาเติมใหม่ วิธีแก้เพื่อทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ คือ ห้ามเอาตัวขัดขวางเข้าบ้านเด็ดขาด หรือทำยังไงก็ได้ให้เราเข้าใกล้มันได้ยากที่สุด

เขยิบเป้าหมายเข้ามาให้ใกล้ด้วยการใส่ชุดวิ่งเข้านอน

2.เขยิบเป้าหมายเข้ามาให้ใกล้

หากใครที่ตั้งใจไว้ว่าจะตื่นเช้าไปวิ่ง แต่ช่างทำได้ยากซะเหลือเกิน ลองบังคับหรือให้สัญญากับตัวเองด้วยการกระทำ อย่างการใส่ชุดวิ่งเข้านอนไปเลย ให้พร้อมต่อการวิ่งในตอนเช้า วิธีนี้จะช่วยลดแรงเสียดทานทั้งหลายที่ต้องเจอกว่าจะออกไปวิ่งได้ทั้งการแต่งตัวและใส่ถุงเท้า วันไหนที่ตื่นมาเห็นตัวเองใส่ชุดวิ่งจะทำให้ออกไปวิ่งได้ง่าย เป็นการผูกมัดตัวเองกับการกระทำ ช่วยลดความยากในช่วงเริ่มต้นและสามารถทำตามเป้าหมายให้สำเร็จได้

3.อย่าตั้งเป้าหมายเยอะเกินไป เลือกเฉพาะที่สำคัญ

ทางเลือกที่มีหลากหลายจนเลือกไม่ถูก ไม่รู้จะทำอะไรดี เช่น เราอยากออกกำลังกาย ทางเลือกมีทั้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เข้าฟิตเนส ในระหว่างที่เราเลือกว่าจะทำอะไรดี สุดท้ายแล้วเรามักไม่ได้ออกกำลังกายหรอก เพราะสมองใช้พลังในการตัดตัวเลือกเหล่านี้ไปจนหมด ไม่เอาแล้วดีกว่า ซึ่งตัวเลือกแบบนี้มีอีกมากในชีวิต ฉะนั้นตัดตัวเลือกให้เหลือน้อยที่สุด ให้โฟกัสสิ่งเดียวไปเลย และที่สำคัญต้องตั้งกฎให้ตัวเองในการทำหรือไม่ทำสิ่งต่าง ๆ เช่น ก่อนเข้านอน 1 ชั่วโมง ต้องอ่านหนังสือ หรือไม่เล่นโซเชียลมีเดียขณะทำงาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำตามเป้าหมายให้สำเร็จได้มากยิ่งขึ้น

4.จินตนาการว่ากำลังโยนบอล Juggling

ตระหนักอยู่เสมอว่าเรากำลังฝึกโยนลูกบอล 3 ลูก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เราทำมันได้หากทำบ่อย ๆ ให้สมองเคยชินกับมันจนกลายเป็นเรื่องปกติ แล้วเราจะทำมันได้อย่างไม่ต้องใช้ความพยายามเหมือนแต่ก่อน เอาชนะแรงเสียดทานในช่วงเริ่มต้นให้ได้

5.เอาเป้าหมายวางไว้กลางห้อง

อะไรที่เป็นเป้าหมายหรือเป็นสิ่งสำคัญของเรา เอามันมาวางไว้ในจุดที่เราจะได้จับมันทุกวันและจัดสภาพแวดล้อมให้เข้าถึงง่ายที่สุด ดังตัวอย่างประสบการณ์ของ Shawn Achor ที่เขาอยากฝึกเล่นกีตาร์ เขาทำตามกฎ 21 วัน (ถ้าทำต่อเนื่องกันได้จะกลายเป็นนิสัยติดตัว) 4 วันแรกเขาหยิบกีตาร์ออกจากตู้มาเล่นทุกวัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยหยิบมาเล่นอีกเลย เพราะว่ากีตาร์อยู่ในตู้ กว่าจะเดินไปหยิบกีตาร์ได้ก็หันไปหยิบอย่างอื่นเสียก่อน แต่เขาก็หันกลับมาแก้ไขมันด้วยการซื้อขาตั้งกีตาร์มาวางไปกลางห้อง ความแตกต่างคือระยะเวลาในการหยิบกีตาร์จากในตู้กับกลางห้องห่างกันแค่ 20 วินาที เท่านั้น แต่กลับกลายเป็นอุปสรรคที่สำคัญ และในทางกลับกันก็ต้องกำจัดสิ่งที่จะขัดขวางต่อการไปถึงเป้าหมายของเราออกไปให้ไกล

6.ให้สัญญากับตัวเองด้วยการกระทำ

เน้นอีกครั้งว่าต้องสัญญาด้วยการกระทำ เพราะคนเรามักสัญญากับตัวเองด้วยความคิดว่าเดี๋ยวจะทำ ลองเอาสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำมาแปลงเป็นการกระทำ เช่น ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะตื่นไปวิ่ง ให้ใส่ชุดวิ่งเข้านอน เพื่อเป็นการบังคับตัวเองให้ลงมือทำกับสิ่งที่สัญญาไว้

7.ตัดตัวเลือกล่วงหน้า

เมื่อเลือกกิจกรรมได้แล้วให้ตัดตัวเลือกที่มีมากมายล่วงหน้าไว้เลย แล้ววางแผนแบบเห็นภาพได้ชัด เรียบง่าย แล้วทำสิ่งนั้นซ้ำ ๆ จนกว่าจะกลายเป็นนิสัย

ปีใหม่นี้หากใครที่ตั้งใจเอาไว้แล้วก็อย่าลืมเอาวิธีตั้งเป้าหมายปีใหม่ ที่จะพาไปทำเป้าหมายให้สำเร็จนี้ไปใช้ มาฮึกเหิมทำมันให้สำเร็จแล้วก้าวข้ามผ่านความล้มเหลวเดิม ๆ มาเป็นคนใหม่ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากสิ่งเล็กน้อยที่อาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต แล้วความฝันจะเข้าใกล้มากขึ้นเมื่อนิสัยที่ดีถูกสร้างขึ้นในตัวเรา

SHARE

RELATED POSTS