ทำความรู้จัก Solana เครือข่ายบล็อกเชนที่มาแรงที่สุดในตอนนี้!
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซีเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีความสำคัญมากขึ้นในระบบการเงินดิจิทัล หลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อของสกุลเงินชั้นนำอย่าง Bitcoin, Ethereum หรือบล็อกเชนอื่น ๆ ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันก็มีเครือข่ายบล็อกเชนใหม่ ๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้นอีกมากมาย
หนึ่งในนั้นคือ Solana บล็อกเชนที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ ด้วยจุดเด่นในด้านการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ และระบบที่สามารถรองรับการขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ Solana ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและนักพัฒนาในวงการคริปโทเคอร์เรนซีอย่างกว้างขวาง
ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Solana ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสำรวจเหตุผลที่ทำให้ Solana กลายเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกคริปโท
Solana คืออะไร?
Solana (SOL) คือเครือข่ายบล็อกเชนรุ่นที่ 3 ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือของ Anatoly Yakovenko อดีตวิศวกรอาวุโสจาก Qualcomm บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก ร่วมกับอดีตเพื่อนร่วมงาน Greg Fitzgerald, Stephen Akridge และ Raj Gokal ในปี 2017 พวกเขาได้ก่อตั้ง Solana Labs ขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์หลักในการขยับขยายเครือข่าย (Scalability) เพื่อรองรับผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่เครือข่ายบล็อกเชนอื่น ๆ เผชิญอยู่
ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างระบบบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พวกเขาได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีจนกระทั่งในปี 2019 Solana ได้เปิดการขายเหรียญเป็นครั้งแรก และในปี 2020 ก็เปิดตัวเหรียญ SOL พร้อมเครือข่าย Solana อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้งานและนักพัฒนา เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ และมีระบบที่เอื้ออำนวยต่อการต่อยอด
จุดแข็งสู่ความสำเร็จของ Solana
มาถึงจุดนี้หลายคนอาจสงสัยว่า Solana แตกต่างจากบล็อกเชนอื่น ๆ อย่างไรทำไมจึงเติบโตเป็นอย่างมากในเวลาสั้น ๆ โดยจุดเด่นสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Solana มีดังนี้
1. การผสมผสานกลไก Proof of Stake (PoS) และ Proof of History (PoH) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของ Solana
Solana ใช้ระบบฉันทามติ (Consensus Algorithm) ที่ผสานกลไกหลัก 2 ตัว คือ Proof of Stake (PoS) และ Proof of History (PoH) เพื่อช่วยตรวจสอบและบันทึกธุรกรรมผ่านการล็อกเหรียญ (Staking) ทำให้เครือข่ายมีความปลอดภัยสูง และประมวลผลธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 50,000 รายการต่อวินาที พร้อมทั้งสร้างบล็อกใหม่ในเวลาเพียง 400 มิลลิวินาที ซึ่งเป็นการลดต้นทุนทำให้ค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.01 ดอลลาร์ต่อธุรกรรม นับเป็นจุดแข็งหลักที่ดึงดูดผู้ใช้งานจำนวนมาก
2. Solana รองรับสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) และโทเคน SPL
Solana เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในหมู่ผู้ใช้งานและนักพัฒนา เนื่องจากมีระบบที่สนับสนุนการสร้างแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) และโทเคนมาตรฐาน SPL ที่คล้ายคลึงกับ ERC บน Ethereum รวมถึง มีระบบ ‘Wormhole’ ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อกเชนอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมข้ามเครือข่ายได้อย่างสะดวกสบาย ส่งผลต่อการขับเคลื่อนราคาเหรียญ SOL ที่หมุนเวียนในเครือข่าย
3. การเข้าสู่ตลาด NFTs ของ Solana
อีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จของ Solana คือการเปิดตัวคอลเล็กชัน NFTs ชื่อ Degenerate Apes บนเครือข่าย Solana ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น จนคอลเล็กชันที่มีมากกว่า 10,000 Apes จำหน่ายหมดภายในเวลาเพียง 10 นาที และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 66 ล้านดอลลาร์ หรือมีเงินหมุนเวียนในเครือข่ายถึง 600,000 SOL ด้วยการตอบรับนี้ส่งผลให้เหรียญ SOL มีความต้องการเป็นจำนวนมากและราคาเหรียญพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการ นอกจากนี้ ตลาด NFT บน Solana ยังมีผู้ใช้งานรายวันที่ใกล้เคียงกับยอดรวมของตลาด NFT บน Ethereum แสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
4. ความเติบโตของโปรเจกต์ที่หลากหลายของ Solana
Solana กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ดึงดูดโปรเจกต์ใหม่ ๆ ให้เข้ามาพัฒนาบนเครือข่าย โดยในปัจจุบันมีโปรเจกต์ที่สร้างขึ้นภายในระบบนิเวศของ Solana กว่า 400 โปรเจกต์ ซึ่งครอบคลุมวัตถุประสงค์หลากหลายประเภท เช่น ระบบการเงินกระจายศูนย์ (Decentralized Finance: DeFi), สินทรัพย์ที่มีลักษณะเฉพาะตัว (Non-Fungible Token: NFT), แอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (Decentralized Application: dApps) และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่งผลให้ราคาเหรียญ SOL ราคาพุ่งสูงขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มยิ่งขึ้น
ก่อนลงทุนกับ Solana ควรระวังอะไรบ้าง?
1. ความเสี่ยงจากเสถียรภาพของระบบ
เนื่องจาก Solana ยังเป็นเครือข่ายบล็อกเขนที่ยังใหม่อยู่ จึงประสบปัญหาความไม่เสถียรเนื่องจากการทดสอบและปรับปรุงเครือข่ายที่ยังมาสมบูรณ์ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือความล่าช้าในการใช้งาน รวมถึงก่อนหน้านี้ยังเกิดเหตุการณ์เครือข่ายล่มถึง 2 ครั้ง ในช่วงเวลาหนึ่งเดือน และใช้เวลาแก้ปัญหานานหลายชั่วโมงก่อนที่ระบบจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
2. ความกังวลต่อการรวมอำนาจ
ข้อกังวลหลักของ Solana คือการรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง เนื่องจากเครือข่ายพึ่งพาผู้ตรวจสอบซึ่งมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับเครือข่ายบล็อกเชนอื่น ๆ อาจส่งผลต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของเครือข่ายในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ตรวจสอบเพียงไม่กี่คนมีอำนาจในการควบคุมหรือจัดการเครือข่าย การรวมอำนาจดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการจัดการกับการโจมตีหรือปัญหาด้านความมั่นคงต่าง ๆ
อนาคตของ Solana ในตลาดบล็อกเชน
จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินอย่าง โจ แมคแคน ซีอีโอของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ เผยว่า Solana เป็นบล็อกเชนที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วและมีศักยภาพที่จะสามารถเอาชนะ Ethereum ได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าในหลาย ๆ ด้าน บวกกับจุดเด่นด้านความเร็วและต้นทุน จึงทำให้ Solana มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว
นอกจากนี้ แม้ว่าเหรียญ Solana จะเพิ่งเข้าสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้ไม่นาน แต่ด้วยระบบที่ขยายขอบเขตรองรับการใช้งานที่หลากหลาย และการขยายตัวสู่ตลาด NFT และ DeFi ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ของนักลงทุน อาจดึงดูดผู้ใช้งานและนักพัฒนาจำนวนมากเข้าสู่เครือข่ายบล็อกเชน Solana ดังนั้น การตกลงของราคาเหรียญในช่วงนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนระยะยาว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรทำความเข้าใจความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบ Solana และผลิตภัณฑ์อื่นอย่างละเอียดก่อนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทุกครั้ง