ลงทุนร้านกาแฟ Specialty Coffee มีเงินอย่างเดียวไม่พอ!
ปัจจุบันวงการ Specialty Coffee ได้เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่แทบไม่มีใครพูดถึงคำนี้เลย แต่ตอนนี้มีมูลค่าตลาดรวมสูงกว่า 2,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มในการเติบโตระยะยาวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ และถ้าเราพอได้คลุกคลีกับวงการนี้มาบ้างจะได้เห็นถึงการเติบโตในทิศทางที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมประจำปีเกี่ยวกับ Specialty Coffee อย่าง Thailand Coffee Fest เป็นการร่วมมือกันระหว่าง The Cloud และสมาคมกาแฟพิเศษไทย (SCATH)
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนร้านกาแฟ Specialty Coffee ที่เล็งเห็นเลยคือ ปรากฎการณ์การจัดประมูลสุดยอดเมล็ดกาแฟไทยในรายการประกวด Thailand Specialty Coffee Awards 2020 ซึ่งเมล็ดกาแฟที่มีมูลค่าการประมูลสูงสุดในปีนี้อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 27,210 บาท คิดรวมเป็นมูลค่า 1,006,770 บาท นอกจากนี้ยังมีรายการอื่นอีกกว่า 29 สุดยอดเมล็ดกาแฟไทยที่ทำให้ยอดการประมูลในปี 2020 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,407,329 บาท ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ของวงการกาแฟไทยเลยทีเดียวครับ
จากผลการประมูลนี้ทำให้เกิดกระแสความสนใจกาแฟไทยจากนักดื่มมากขึ้น โดยเฉพาะในสายตาของชาวต่างชาติ ก่อให้เกิดการเติบโตของธุรกิจกาแฟเพิ่มขึ้น ทีนี้ลองคิดดูนะครับ…นอกจากจะมองเห็นโอกาสการเติบโตที่เป็นไปได้แล้ว ยังเป็นที่สนใจในกลุ่มนักดื่มกาแฟอีกด้วย แล้วถ้าเรามีความชอบในเรื่องนี้อยู่แล้วอยากจะหันมาลองทำหรือเปิดร้านกาแฟเองดูบ้าง ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สามารถสร้างรายได้ไปพร้อมกับความสุขให้ตัวเองเช่นกัน
ลงทุนร้านกาแฟ Specialty Coffee ต้องเริ่มจากอะไร
ก่อนจะไปถึงเรื่องการลงทุนเปิดร้านกาแฟ เรามาทำความเข้าใจกันว่า Specialty Coffee ไม่ใช่คำที่ใครจะอนุมานขึ้นแล้วใช้ได้เลย แต่มันมี “ความพิเศษ” มากกว่านั้น เพราะในกาแฟหนึ่งแก้วมันมีทั้งเรื่องราว และผ่านกระบวนการพิถีพิถันมากมาย จนเกิดเป็นวัฏจักรกาแฟพิเศษ หรือ Specialty Coffee ที่วัดกันตั้งแต่
- การทำเกษตรกรรม (ขั้นตอนการปลูก: คัดเลือกสายพันธุ์ แหล่งปลูกที่เหมาะสม การกำจัดศัตรูพืชในพื้นที่)
- การคัดเลือกเก็บเกี่ยวผลเชอร์รีกาแฟที่สุกสมบูรณ์ ส่งผลไปถึงรสชาติของน้ำกาแฟ
- ขั้นตอน Process กาแฟที่เหมาะสมต่อแต่ละสายพันธุ์ แล้วนำมาสีกะลาออกจนได้มาซึ่ง “สารกาแฟ” ที่สามารถเอามาตรวจเช็กคุณภาพการเป็น Specialty Coffee ด้วยเกณฑ์ทั้ง 10 อย่าง (Fragrance/Aroma, Flavor, Aftertaste, Acidity, Body, Balance, Uniformity, Clean cup, Sweetness และ Overall) และจะต้องได้ 80 ใน 100 คะแนนขึ้นไป ตรวจสอบตามมาตรฐานของ Specialty Coffee Association (SCA) โดย Q – Grader
- ขั้นตอนการคั่วกาแฟ นำสารกาแฟหรือ Green Beans มาคั่ว จนได้เป็น Roasted Coffee
- ขั้นตอนการชง หรือสกัดกาแฟ โดยบาริสต้าที่มีความรู้และเข้าใจรอบด้านเกี่ยวกับกาแฟ
- ผู้ดื่มที่เข้าใจความเป็น Specialty Coffee ทำให้ตอบโจทย์กลับไปหาต้นน้ำอย่างเกษตรกร
จะเห็นได้เลยว่ามันเป็นวัฏจักรจริง ๆ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำที่ทุกขั้นตอนมีความสำคัญเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด หากมีขั้นตอนใดที่คนทำไม่ใส่ใจก็จะส่งผลต่อรสชาติถึงผู้ดื่มที่อยู่ปลายน้ำได้ เช่น เกษตรกรปลูกและคัดกาแฟที่ดีที่สุดมาแล้ว เพื่อนำไปสู่ขั้นตอน Process และคั่ว ถ้าทำขั้นตอนทั้งสองนี้อย่างผิดวิธี ความพิเศษของกาแฟก็จะหายไป และเมื่อมาถึงมือบาริสต้า หากนำเมล็ดที่คั่วสำหรับกาแฟ Filter มาเข้า Espresso Machine จุดประสงค์ของคนคั่วที่ทำเพื่อให้เป็นกาแฟ Filter ที่ดีที่สุดก็จะหายไปเช่นกัน ฉะนั้นทุกขั้นตอนคือความใส่ใจเป็นพิเศษที่นำมาซึ่ง Specialty Coffee นั่นเอง
เปิดร้านกาแฟ Specialty Coffee ต้องมีอะไรบ้าง
การลงทุนร้านกาแฟ Specialty Coffee ในปัจจุบันนี้เรียกได้ว่ามีความสร้างสรรค์ และทำลายข้อจำกัดต่าง ๆ ที่คนคิดว่าจำเป็นต้องมีไปค่อนข้างมาก ซึ่งเราจะเห็นได้จากร้านกาแฟดริปริมทาง หรือกาแฟมอเตอร์ไซค์ ตามสื่อโซเชียลกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น Move.Coffee ที่ใช้รถเวสป้าสีขาวพ่วงข้างทำเป็นร้านกาแฟจากอุปกรณ์ Moka Pot หรือร้านกาแฟดริปริมทางอย่าง Cloud Coffee Slow Bar ที่เริ่มต้นลงทุนในงบจำกัดจากความชอบของตัวเอง และอีกหนึ่งรถมอเตอร์ไซค์ใช้ตั้งร้าน Coffee Cub กาแฟแดนนี่ จากนักดนตรีเป่าทรัมเป็ตสู่คนชงกาแฟหน้าคอนโดตัวเอง
ซึ่งทั้ง 3 ตัวอย่างนี้ที่ยกมาพูดถึง ล้วนมีจุดเริ่มต้นที่ค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกันที่ว่า เป็นความชอบ หรืออยากให้คนได้ดื่มกาแฟรสชาติดีในราคาสบายกระเป๋า และสิ่งสำคัญในการลงทุนร้านกาแฟ นอกจากเรื่องเงินแล้ว คือคุณต้องมีใจ ชอบทำมันจริง ๆ เพราะงานเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยความใส่ใจในการทำเป็นพิเศษ ถึงแม้ตัวอย่างที่เรานำมาพูดถึงจะยังไม่เป็นร้านจริงจังสักเท่าไหร่ แต่ที่เรานำมาพูดถึงเพราะอยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากหันมาทำธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเองว่าสามารถเริ่มต้นจากสิ่งที่มีอยู่แล้วก่อนก็ได้ หลังจากนั้นค่อยจับทิศทางต่อไปว่าจะขยายธุรกิจให้เติบโตไปในแนวทางใด
อุปกรณ์สำหรับดริป (Drip Coffee) คลิก สร้าง Slow bar ดริปกาแฟกินเองได้
คำแนะนำสำหรับอุปกรณ์ทำกาแฟดริป คุณอาจจะเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเอง และขนาดร้าน เช่น ถ้าเป็นร้านเล็ก ๆ ตั้งริมทาง เครื่องบดกาแฟไฟฟ้าอาจไม่สะดวกเท่าไหร่ อาจเลือกใช้เป็น Hand Grinder เครื่องบดกาแฟมือหมุน แนะนำของยี่ห้อ Timemore, 1Zpresso หรือตัวท็อปอย่าง Comandante แล้วแต่ว่าจับอันไหนแล้วถนัดมือนะครับ
อุปกรณ์ทำกาแฟ Moka Pot หาซื้อได้ทั่วไป และหลากหลายราคามากครับ แต่เราจะแนะนำ Bialetti เนื่องจากเป็นของดั้งเดิมจากอิตาลี
อุปกรณ์ทำกาแฟ Aeropress เป็นเครื่องชงกาแฟระบบแรงดันอากาศ พกพาสะดวก แต่ต้องทำความเข้าใจถึงหลักการทำงานของเครื่องก่อนว่าเทคนิคไหนเหมาะกับตัวเองมากที่สุด แนะนำเป็นยี่ห้อ Aerobie
ส่วนในเรื่องการตกแต่งและรูปแบบร้านว่าจะเป็น Stand Alone, พ่วงรถมอเตอร์ไซค์ หรือรูปแบบอื่น ๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะว่าอยากให้เป็นแบบไหน เราคงกำหนด Budget ในส่วนนี้ให้ไม่ได้ ขอเป็นกำลังใจและบอกเพียงว่า “ลองมองดูรอบตัวว่าสามารถเกิดอะไรขึ้นได้บ้างในบริบทที่คุณมี”
หวังว่าบทความนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากลงทุนร้านกาแฟ Specialty Coffee ได้นะครับว่า ทุกอย่างเริ่มต้นได้ ขอแค่คุณมีใจรักและอยากทำมันจริง ที่สำคัญคือความใส่ใจในกระบวนการ ถึงแม้เราอาจจะไม่ได้ไปถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว หรือคั่วกาแฟ แต่ในฐานะผู้ประกอบการ เราสามารถเลือกที่จะซัปพอร์ตเมล็ดกาแฟจากชุมชนต่าง ๆ ได้ นำมาสกัดด้วยความใส่ใจให้ผู้ดื่มได้รันวงการ Specialty Coffee นี้กลับไปยังต้นน้ำอย่างเกษตรกร