เส้นทางชีวิต วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก
หากพูดถึงแวดวงการลงทุนเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จัก วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นักลงทุนหุ้นที่โด่งดังและทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกคนนึง ซึ่งเราก็จะได้เห็นปู่แกฝากข้อคิด หรือมุมมองด้านการใช้ชีวิตอย่าง กฎ 5 ชั่วโมง (5-hour rule) รวมไปถึงในด้านการลงทุนที่มีการถอดรหัส เคล็ดลับกันออกมามากมาย แต่ทั้งหมดนี้อาจยังสมบูรณ์ไม่มากพอ หากคุณยังไม่รู้ถึงประวัติของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้ดีพอเพราะถึงแม้เขาจะเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลับเลือกที่จะสร้างความสำเร็จด้วยตนเอง
ประวัติ วอร์เรน บัฟเฟตต์
เรียกได้เลยว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือเจ้าพ่อแห่งการลงทุน ร่ำรวยด้วยการลงทุนและการบริหารเงินที่เต็มเปี่ยมซึ่งความชาญฉลาดและรอบคอบ โดยได้เริ่มต้นค้าหุ้นตั้งแต่อายุได้ 11 ปี มาจนถึงในวัยเลข 9 แล้ว เขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการนี้ไม่ได้หายไปไหนเลย
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เกิดเมื่อ 30 สิงหาคม ปี 1930 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมือง Omaha รัฐ Nebraska ครอบครัวมีพี่สาว และน้องสาว อย่างละ 1 คน เขาเป็นเป็นลูกชายเพียงคนเดียว ในขณะที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เกิดมานั้นครอบครัวอยู่ในชนชั้นกลาง โดยพ่อของเขาคือ Harward Buffett เป็น Broker ในตลาดหุ้น และต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของพรรครีพับลิกัน และแม่ของเขาคือ Leila Buffett เป็นแม่บ้าน
ตอนที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ อายุได้ 5 ปี ก็เริ่มมีเรื่องราวของตัวเลขเข้ามาพัวพันในชีวิตประจำวัน และด้วยความที่เขาชอบและสนใจในเรื่องการค้าขายและลงทุนอยู่แล้ว ทำให้เขาได้เริ่มต้นจากการเป็นเด็กเดินขายหมากฝรั่ง และน้ำมะนาว สิ่งที่น่าสนใจคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เลือกที่จะขายที่หน้าบ้านของเพื่อน เพราะโลเคชันตรงนั้นมีคนผ่านไปผ่านมามากกว่าหน้าบ้านของตัวเอง ถือว่ามีหัวการค้าตั้งแต่ยังเด็กเลย
หลังจากนั้นการค้าขายของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ดำเนินมาถึงตอนอายุ 6 ปี เริ่มขายน้ำอัดลม โดยการซื้อในราคาส่งมาจากร้านขายของชำของคุณตา แล้วมาเร่ขายในราคาปลีก ได้กำไรขวดละ 5 cent และยังมีการค้าขายลูกกอล์ฟมือสอง แน่นอนว่าเบื้องหลังการขายต้องไม่ธรรมดา เพราะวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ศึกษาไปถึงแบรนด์ลูกกอล์ฟในแต่ละลูกที่เขามีในมือ เพราะมันมีมูลค่าต่างกัน ดังนั้นตอนขายลูกกอล์ฟก็จะแบ่งไปตามมูลค่าของแบรนด์นั้น ๆ
มุมมองการสร้างรายได้ด้วยวิธีใหม่ ๆ เริ่มต้นขึ้นกับวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในวัย 7 ปี ตอนที่เขามีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนึงที่ชื่อว่า One Thousand Ways to Make $1000 ที่ยกตัวอย่างวิธีการทำเงินกว่าพันวิธี จนเดินทางเข้าสู่อายุได้ 11 ปี ก็มีเงินเก็บเป็นจำนวน 120 $ และเริ่มต้นเข้าสู่วงการค้าหุ้นเป็นครั้งแรกร่วมกับพี่สาวในปี 1941
หุ้นตัวแรกในชีวิตของวอร์เรน บัฟเฟตต์ คือหุ้น City Service เขาสามารถซื้อได้ทั้งหมด 3 หุ้น ในราคา 38.25 $ ก่อนที่หุ้นจะตกไปที่ 27 $ อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งราคาดีดตัวขึ้นมาที่ 40 $ แล้วเขาจึงตัดสินใจเทขายหุ้นทั้งหมดไป แต่ปรากฏว่าในเวลาต่อมาไม่นาน หุ้นตัวนี้ก็พุ่งขึ้นถึงเกือบ 200 $ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้วอร์เรน บัฟเฟตต์ เรียนรู้ว่า ถ้าหากถือหุ้นไว้นานกว่านี้จะได้กำไรกว่า 492 $ แทนที่จะเป็น 5 $
เมื่อวอร์เรน บัฟเฟตต์ อายุได้ 12 ปี ได้เริ่มธุรกิจใหม่กับเพื่อนในชื่อว่า Stable-Boy Selections เป็นธุรกิจแนะนำเทคนิคต่าง ๆ สำหรับสนามแข่งม้า แต่ก็ต้องปิดกิจการอย่างรวดเร็วเพราะไม่มีใบอนุญาต ดังนั้นวอร์เรน บัฟเฟตต์จึงหันไปช่วยคุณปู่ขายของชำที่ร้าน Buffet & Son ทุก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์
ตอนอายุ 14 ปี วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตัดสินใจนำเงินที่เก็บสะสมจากการขายหนังสือพิมพ์มาร่วมลงทุนกับคุณพ่อ เพื่อซื้อที่ดินขนาด 40 เอเคอร์ ที่ Nebraska farmland และจ้างชาวสวนชาวไร่มาทำการเกษตร และนอกจากนั้นยังได้เริ่มธุรกิจใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขายสแตมป์สำหรับนักสะสม, บริการล้างรถ และเป็นแคดดี้
ชีวิตด้านการศึกษาของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เข้าเรียนด้านธุรกิจที่ The University of Pennsylvania หลังจากเรียนได้ 2 ปีก็ย้ายไปศึกษาต่อที่ The University of Nebraska และศึกษาจนจบ ต่อมาในปี 1951 วอร์เรน บัฟเฟตต์ เรียนจบปริญญาโทด้านการลงทุนจาก Columbia Business School และทำให้เขาได้พบกับอาจารย์เบนจามิน เกรแฮม (Benjamin Graham) ซึ่งเขาได้ยึดเป็นต้นแบบในการลงทุน ภายหลังวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ออกมาทำงานโบรคเกอร์อยู่ 3 ปี และไปทำงานเป็นนักวิเคราะห์หุ้นกับเบนจามิน เกรแฮม ที่บริษัท Graham-Newman Corp อีก 2 ปี ถือว่าเป็นช่วงเวลา 5 ปี ที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ทำงานในแวดวงตลาดหลักทรัพย์
Buffett Partnership Ltd. บริษัทที่ก่อตั้งด้วยวอร์เรน บัฟเฟตต์ ในปี 1956 มีหุ้นส่วน 7 คน คือ คุณแม่, พี่สาว, คุณน้า, พ่อตา, พี่เขย, เพื่อนร่วมห้องสมัยเรียน และนักกฎหมาย โดยได้รวบรวมเงินทุนเป็นจำนวน 105,100 $ ซึ่งวอร์เรน บัฟเฟตต์ ขอไม่รับเงินเดือน แต่ขอเป็นส่วนแบ่ง 25% จากผลกำไรแทน และหากขาดทุนเขาพร้อมที่จะรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นด้วยตนเอง
ปีแห่งความสำเร็จของวอร์เรน บัฟเฟตต์
ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี หลังจากก่อตั้งบริษัทของตนเอง ในปี 1962 วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ขึ้นแท่นเศรษฐีเงินล้าน เพราะ Buffett Partnership Ltd. เติบโตมากและตัวบริษัทมีมูลค่ามากกว่า 7 ล้านเหรียญฯ ซึ่งทำให้หุ้นส่วนที่เขาถืออยู่นั้นมีมูลค่าเกินกว่า 1 ล้านเหรียญฯ หากย้อนกลับไปเขาเริ่มต้นธุรกิจนี้ด้วยเงินทุนเพียง 100,000 $ เท่านั้นเอง
ในปี 1970 วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตัดสินใจซื้อหุ้นบริษัท Berkshire Hathaway (BRK เบิร์กเชียร์ แฮททาเวย์) จนกลายเป็นประธานและซีอีโอ เขาได้พาบริษัทนี้ให้กลายเป็น Holding Company โดยการเข้าถือหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ The Washington Post, บริษัทประกัน GEICO และธุรกิจน้ำมัน Exxon
ซึ่งในช่วงปี 1990 บริษัท Berkshire Hathaway ได้ขายหุ้นตัวท็อปออกไปบางส่วน ทำให้วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน และในปี 2008 เขาก็ได้กลายเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก และติด Top 5 ของมหาเศรษฐีอย่างต่อเนื่องหลายสิบปีด้วยกัน
หากคุณรู้เส้นทางชีวิตของวอร์เรน บัฟเฟตต์ แบบนี้แล้วกำลังถามถึงเคล็ดลับความสำเร็จของเขา บอกได้เลยว่ามีมากมาย หลายสำนักมาก ๆ ที่ถอดรหัสจากความสำเร็จของปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ท่านนี้ แต่การที่คุณรู้เคล็ดลับสูตรสำเร็จเหล่านั้นไป มันอาจไม่ใช่เครื่องการันตีว่าถ้าคุณทำตามแล้วจะประสบความสำเร็จแบบเขา เพราะชีวิตมันไม่มีทางลัดหรอกครับ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เราสามารถนำมาใช้ หรือคิดตามได้จริงในชีวิตคือ ความพยายาม ทั้งในด้านการเก็บเงินเพื่อมาลงทุนในธุรกิจ และใช้ความรู้ ประสบการณ์มาต่อยอดเป็นธุรกิจที่ ณ วันนี้มีมูลค่าจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว