รู้จัก NFT คืออะไร สินทรัพย์ดิจิทัล วิวัฒนาการของการสะสมงานศิลปะ
NFT คืออะไร เพราะเริ่มเป็นที่ฮือฮากันอย่างมากกับการลงทุน NFT ที่เป็น Cryptocurrency ประเภทหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางการแสดงผลงานและความสามารถของศิลปินไทยชั้นยอดเลย ซึ่งชาวต่างชาติก็แอบถึงขั้นประหลาดใจว่าประเทศไทยมีนัก Illustrator เก่ง ๆ เยอะมาก!!! เอาหล่ะถึงเวลาแล้วที่ Thomas Thailand จะพาทุกคนไปรู้จักว่า NFT คืออะไร
NFT คืออะไร
NFT (Non-Fungible Token) คือ Cryptocurrency ประเภทหนึ่ง ที่แสดงความเป็นเจ้าของทางสินทรัพย์ดิจิทัล โดยในแต่ละเหรียญจะไม่สามารถทดแทนหรือแลกเปลี่ยนแทนกันได้ เพราะแต่ละเหรียญมีความแตกต่างและมูลค่าที่ไม่เท่ากัน
ทำไม NFT เป็นโทเคน (Token) ที่มีความเฉพาะตัว
อย่างที่เราบอกไปว่า NFT คือ Non-Fungible Token ซึ่งมีความหมายตรงกันว่า “เหรียญที่ไม่สามารถทดแทนกันได้” เปรียบเสมือนกับของสะสมที่มีมูลค่า เช่น bearbrick ที่แต่ละตัวมีความหมายและมีมูลค่าที่แตกต่างกันออกไป ถ้ามีคนมายืมของเราไป เขาก็ต้องเอาตัวเดิมมาคืนเราเท่านั้น
ตัดกลับมาที่ Fungible Token เป็นสิ่งที่สามารถหาอย่างอื่นมาทดแทนได้ โทเคนไม่ได้มีความเฉพาะตัวแต่อย่างใด ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนมายืมเงินเราไป 1,000 บาท เขาจะสามารถคืนเงินได้ทั้งในรูปแบบธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 1 ใบ หรือธนบัตรใบละ 500 บาท จำนวน 2 ใบ ก็ได้ เพราะเมื่อคิดรวมกันก็มีมูลค่าเท่าเดิม ถือว่าเป็นสิ่งที่ทดแทนกันได้นั่นเองครับ เช่นเดียวกันกับ Bitcoin ถ้าเพื่อนเรายืมไป 1 Bitcoin เขาจะคืนเหรียญ Bitcoin อันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องคืนอันเดิม
การทำงานของ NFT
เมื่อ NFT คือ Non-Fungible Token เราจึงสามารถนำสินทรัพย์ที่มีความเฉพาะตัวนั้นมาลงประมูลสินทรัพย์ NFT หรือแปลงเป็นโทเคนได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาด ภาพถ่าย งานกราฟิก เมื่อนำไปแปลงเป็นโทเคน จะเรียกว่า “Crypto Arts” มีการเข้ารหัสกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสามารถซื้อ-ขายได้
โดย NFT จะเสมือนเป็นใบรับรองที่แสดงความเป็นเจ้าของของสินทรัพย์ชิ้นนั้น ทำหน้าที่รักษาความเป็น Original ถึงแม้จะถูก Copy ไป แต่ต้นฉบับยังคงมีหนึ่งเดียว ทดแทนกันไม่ได้ ซึ่งจะถูกบันทึกในระบบ Blockchain ที่ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ว่าผลงานชิ้นใดมีใครเป็นเจ้าของบ้าง
ผลงาน NFT ช่องทางสร้างรายได้
เมื่อเราได้รู้แล้วว่า NFT คืออะไร ทำงานอย่างไร ก็มาถึงขั้นตอนการใช้งานกันแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ NFT ถูกสร้างขึ้นบนระบบของ Ethereum โดยใช้มาตรฐาน ERC-721 และ ERC-1155 ทำให้สินทรัพย์ที่นำมาแปลงเป็นโทเคนจึงต้องเป็นสินทรัพย์ที่มีความเฉพาะตัว สามารถเป็นได้หลากหลายประเภท โดยตลาดซื้อขาย NFT ก็มีมากมาย อาทิ OpenSea, Rarible, SuperRare, Nifty Gateway, KnownOrigin, MakersPlace และ Foundation ผลงานทั้งหมดจะซื้อขายผ่านสกุลเงินดิจิทัลบนระบบของ Ethereum และแต่ละแพลตฟอร์ม หรือตลาดซื้อขาย มี Gas Fee (ค่าธรรมเนียม) และเงื่อนไขที่ต่างกันออกไป อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อน
จุดเด่นของ NFT ที่ทำให้โดดเด่นและแตกต่าง
- Unique – โทเคนมีลักษณะเฉพาะ เปรียบเสมือนใบรับรองแสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่หายาก
- Rare – ความหายากของโทเคน มีการจำกัดจำนวนโทเคน
- Indivisible – แบ่งแยกไม่ได้ ไม่สามารถแบ่งซื้อ-ขายเป็นหน่วยย่อย ต้องซื้อ-ขายเต็มจำนวนเท่านั้น เหมือนเวลาซื้อวาดภาพ จะซื้อครึ่งภาพก็ไม่ได้
NFT โอกาสทางศิลปะที่ไร้พรหมแดน
หากพูดกันในความจริงแล้วในประเทศไทยเองต้องยอมรับว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญามากนัก โดยเฉพาะกับงานศิลปะ เกือบทุกแขนงที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ภาพวาด แต่รวมไปถึง Illustrator วาดภาพประกอบ งานเพลง และงานวิดีโอด้วย
ซึ่งการที่มี NFT เข้ามาจะทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลด้านศิลปะมีการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็สามารถซื้อ-ขายกันได้อย่างรวดเร็ว หากเป็นการซื้อ-ขายกันแบบปกติ คนขายอยู่ไทย คนซื้ออยู่นอร์เวย์ เรื่องธุรกรรมการเงินไปจนถึงการขนส่งสินค้า แค่คิดก็วุ่นวายแล้ว แถมมีต้นทุนที่สูงอีกด้วย แล้วลองคิดดูว่า…ถ้าเราเอาภาพนั้นแปลงเป็นโทเคน โอกาสที่จะขายได้ก็ย่อมมีสูงเพราะคนซื้อมีอยู่ทั่วโลก กระบวนการทุกอย่างผ่านดิจิทัลทั้งหมด ง่าย สะดวก รวดเร็ว และต้นทุนต่ำ
คำว่า “ศิลปินไส้แห้ง” อาจจะเลือนลางและจางหายไป
พูดแล้วก็น่าเศร้าใจที่ประเทศไทยเรายังให้ค่ากับงานทรัพย์สินด้านปัญญาไม่มากพอ จึงเกิดเป็นคำพูดที่ว่า ศิลปินไส้แห้ง ให้ได้ยินกันอยู่บ่อยครั้ง จนชินชา หรือรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ถ้าลองเปิดตา เปิดใจดูจะพบว่าในต่างประเทศงานศิลปะเหล่านี้มีคุณค่าและมูลค่าในตัวมันเองเสมอ การที่มี NFT เข้ามาจึงถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางการแสดงผลงานและความสามารถของศิลปินไทยหลายแขนง จนถึงขั้นที่ว่าชาวต่างชาติแอบประหลาดใจว่า…ไม่เคยรู้เลยว่าประเทศไทยมีศิลปินเก่ง ๆ เยอะมาก!!!
THE INCREDIBLE DOGE – wawawawin
Chaos – Line Censor
NFT อาจเป็นอีกหนึ่งโอกาสของศิลปินไทยที่อยากลืมตาอ้าปากได้ บางคนทำงานขายที่ไทยแทบไม่ได้เลย แต่พอมี NFT เข้ามาทำให้งานของเขามีมูลค่าขึ้นเป็นกอง อย่างผลงานของ ‘wawawawin’ วิน–ณัฐวัตร์ สุพรรณกูล มียอดประมูลผลงานบน NFT สูงถึง 3.88 ETH (ประมาณ 9,662 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3 แสนบาท) รวมถึงผลงานศิลปะชื่อว่า Chaos ของ Kiatanan Iamchan หรือที่รู้จักในชื่อ ‘Line Censor’ สงวนอยู่บน Foundation ที่ 77.77 ETH (ประมาณ 323,558 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 10 ล้านบาท)
หลายคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้อาจยังสงสัยกันใช่ไหมครับว่า…ทำไม NFT ถึงมาแรงและมีมูลค่าตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถ้าให้ตอบแบบรวบรัดก็คงพูดประโยคที่ว่า ‘ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ’ ได้เลย เพราะ Crypto Arts ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงการระบาดของโควิด-19 การแสดงผลงานของศิลปินก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ จึงต้องหันไปใช้ตลาดศิลปะดิจิทัลแทนนั่นเอง รวมถึงศิลปินไทยหลายคนที่ก็สร้างผลงานและชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเราว่ายังมีศิลปินมากความสามารถอยู่มากกมายที่ ณ วันนี้ได้ทะลายพรหมแดนและสร้างสรรค์งานศิลปะสู่สายตาชาวโลก เชื่อว่านี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่อนาคตที่อีกยาวไกลของ NFT อย่างแน่นอนครับ ต้องรอดูกันต่อไปว่า NFT จะเติบโต พัฒนาไปในทิศทางใด