5G mmWave

mmWave ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ 5G
สามารถดู Motorsport แบบเรียลไทม์ได้

เมื่อไม่นานมานี้ Samsung และ SK Telecom ออกมาประกาศถึงการสาธิตที่ประสบความสำเร็จกับการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ด้วยคลื่น mmWave แบบ end-to-end ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่มีความยาวคลื่นในระดับมิลลิเมตร เพื่อพัฒนาประสบการณ์ความบันเทิงรูปแบบใหม่ในการรับชมกีฬามอเตอร์สปอร์ต ที่แฟน ๆ สามารถเห็นการแข่งขันได้ 360 องศาในสนามแข่งแบบเรียลไทม์ และกดเลือกดูได้ว่านักแข่งอยู่ตรงไหน รวมถึงสามารถเลือกดู Multi-View ของนักแข่งทุกคนได้อีกด้วย

การสาธิตประสิทธิภาพของ 5G ด้วย mmWave

การสาธิตประสิทธิภาพของ 5G ด้วย mmWave จัดขึ้นที่สนามแข่ง ‘Korea International Circuit’ โดยใช้การวัดความเร็วในขณะที่รถแข่งเคลื่อนที่ เพื่อตรวจสอบความเสถียรของการ live downloads, Upload และการส่งมอบระหว่างจุดรับส่งสัญญาณ (Base station) 5G ในสนามแข่ง ผลการทดสอบออกมาว่า ในขณะที่รถแข่งเคลื่อนที่ประมาณ 210 Km/hr สามารถดาวน์โหลดได้สูงถึง 1 Gbps โดยใช้ความถี่ 200 MHz ซึ่งขนาดของสัญญาณอยู่ที่ 28 GHz

5G mmWave

การทดสอบแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี mmWave สามารถปลดล็อกศักยภาพอย่างเต็มรูปแบบของ 5G ที่ช่วยให้การถ่ายโอนวิดีโอมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และบริษัทต่าง ๆ สามารถใช้การสตรีมวิดีโอสดนี้เพื่อให้ผู้คนรับชมการแข่งขันแบบเรียลไทม์ได้โดยผ่าน broadcasting ของ SK Telecom ที่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของโลกก็สามารถรับชมได้ และเพื่อเพิ่มความบันเทิงในการรับชมการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต ผู้ชมสามารถเพลินเพลินไปกับฉากน่าตื่นเต้นจากมุมมองของคนขับผ่าน VR, AR และวิดีโอสตรีมแบบ 360 องศา ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าพวกเขาอยู่ในรถเคลื่อนที่จริง เพราะมีการติดตั้งกล้องไว้ในห้องของคนขับ ซึ่งสามารถสตรีมวิดีโอแบบเรียลไทม์จากรถแต่ละคันโดยใช้การเชื่อมต่อแบบ 5G wireless

5G mmWave AR VR

5G ไม่ได้มีแค่ความเร็วที่เพิ่มขึ้น แต่ถูกออกแบบให้รองรับ application ล้ำ ๆ ที่กำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้ อย่างเช่น AR (Augmented Reality) ที่เป็นการรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือนเข้าด้วยกัน และ VR (Virtual Reality) ที่จำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง ทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้ รวมไปถึง Hologram Application ที่เป็นรูปแบบของภาพที่สร้างขึ้นให้มีมิติเหมือนกับหนัง Iron Man

อนาคตของ 5G ที่จะมาถึง

เราเห็นแล้วว่าความสามารถของ 5G นั้นพัฒนาไปไกลกว่า 4G มาก ด้วยความเร็วที่มากกว่า 4G ถึง 20 เท่า ทำให้ 5G สามารถส่งข้อมูลได้เสถียร เพราะมีความหน่วงในการส่งข้อมูลต่ำอยู่ในระดับแค่ 1 มิลลิวินาที ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับ 4G ที่มีความหน่วงในระดับ 10 มิลลิวินาที ด้วยความสามารถนี้ ทำให้ 5G เหมาะกับการใช้งานระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การผ่าตัดทางไกล การควบคุมเครื่องจักรในโรงงาน หรือการควบคุมรถยนต์ไร้คนขับ ที่เราจะได้เห็นกันในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

อย่างที่ทราบกันดีว่า 5G ได้เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2562 ที่เกาหลีและอเมริกาแล้ว ซึ่งการทดลองในครั้งนี้ก็เป็นการยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ และคาดว่าในปี 2563 หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยจะมีการทดสอบและเปิดใช้บริการ 5G ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งอีกไม่ช้า

SHARE

RELATED POSTS

ปฏิวัติการดื่มกาแฟในบ้านด้วยโมเดลธุรกิจของ Nespresso ที่กว่าจะประสบความสำเร็จนี้ต้องล้มเหลวมากี่ครั้งจนกลายเป็น Business…