ทำความรู้จัก Cryptocurrency ฉบับเข้าใจง่ายภายใน 5 นาที
หนึ่งในการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมมากและมีมูลค่าของตลาดทั้งหมด (Market Capitalization) เพิ่มขึ้นทะลุ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 16/02/2021) ในตอนนี้อย่าง Cryptocurrency คืออะไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Cryptocurrency, Bitcoin และ Blockchain กันครับว่ามันคืออะไร และมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง พร้อมบอกความแตกต่างระหว่างสกุลเงินปกติกับสกุลเงินดิจิทัล พร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ
Cryptocurrency | Bitcoin | Blockchain
Cryptocurrency คือ สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่จะต้องมีการเข้ารหัสเพื่อให้นำไปใช้งานได้ในแหล่งดิจิทัลที่มีการยอมรับ ซึ่งการที่ Cryptocurrency จะมีค่าขึ้นมาได้นั้นจะต้องเกิดจากความยินยอมของคนในพื้นที่ที่รับรู้ร่วมกันว่ามันคือสิ่งที่มีมูลค่า เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนระหว่างธนบัตร หรือเหรียญ มาเป็นการเข้ารหัสในคอมพิวเตอร์ ผ่านเทคโนโลยีเครือข่าย Blockchain นอกจากนี้ Cryptocurrency ยังมีสกุลเงินอีกมากมาย ซึ่ง Bitcoin ก็เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของ Cryptocurrency ที่อยู่บนระบบ Blockchain ซึ่งจะต้องมีการเข้ารหัสลับเพื่อทำธุรกรรม โดยไม่จำเป็นต้องผ่านคนกลางอย่างหน่วยงาน สถาบัน หรือธนาคารแต่อย่างใด ถึงแม้ว่า Bitcoin จะจับต้องไม่ได้ แต่สามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนซื้อ – ขายสินค้ากันจริง ๆ ในโลกออนไลน์ได้
Bitcoin เป็นเพียงหนึ่งในพันสกุลเงินของ Cryptocurrency เท่านั้น ยังมีสกุลเงินอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ยังไม่ได้รับความนิยมมากเท่ากับ Bitcoin นั่นเอง
Blockchain คือ เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง โปร่งใส ไม่มีการผ่านคนกลาง ทำงานบนระบบที่สามารถควบคุมตัวเองได้ โดย Blockchain จะเก็บข้อมูลไว้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของคนทั่วไปที่อยู่ในระบบ ทำให้เป็นเครือข่าย Decentralized (ระบบโครงสร้างที่มีฐานข้อมูลแบบการกระจายตัว) ส่งผลให้เกิดการแทรกแซงข้อมูลขึ้นได้ยากมาก เพราะแฮกเกอร์จะต้องแฮกข้อมูลของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ เครือข่ายถึงจะล้มเหลว
หลักการทำงานของ Blockchain
- ข้อมูลจะถูกบันทึกลงในกล่องสี่เหลี่ยม (Block)
- โดยจะมี Hash (แถวของตัวเลขและตัวอักษรที่จะไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละ Block) เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่าง Block
- เมื่อข้อมูลเต็มแล้ว Block ใหม่จะถูกสร้างขึ้น โดยแต่ละ Block จะมีข้อมูล Hash ของอันก่อนหน้า ซึ่งจะต้องเหมือนกัน จึงจะถือว่าข้อมูลถูกต้อง
- Block จะต่อท้าย Hash กันไปเรื่อย ๆ หากเกิดการเปลี่ยนข้อมูลของ Block ใดไปทำให้ไม่ตรงกับ Block ก่อนหน้า ก็จะส่งผลให้ Block ถัดไปทั้งหมดใช้งานไม่ได้
หลักการทำงานพื้นฐานของ Cryptocurrency
อย่างที่บอกว่า Cryptocurrency เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล จึงหมายความได้ว่าไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมหรือจัดการโดยหน่วยงานทางการเงินสากลใด ๆ โดยสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้จะทำงานอยู่บนระบบ Blockchain และแต่ละเหรียญ Cryptocurrency จะถูกบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐานว่าใครเป็นเจ้าของ เป็นการบันทึกร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่าย (Peer) ดังนั้นทุกคนในเครือข่ายจะสามารถเห็นยอดคงเหลือของทุกบัญชีได้ ทีนี้เรามาดูกันว่าวิธีการทำธุรกรรม Cryptocurrency มีหลักการอย่างไรบ้าง
- คอมพิวเตอร์ส่วนตัวของคนในเครือข่ายจะมี Public Key เปรียบเสมือนเลขที่บัญชี และ Private Key เปรียบเสมือนการเข้ารหัส หรือลายนิ้วมือ ซึ่งจะมีแค่เจ้าของเท่านั้นที่มี
- เราจะต้องใช้ Private Key เพื่อเข้าสู่บัญชีของตัวเอง แล้วระบุจำนวนเหรียญ เพื่อโอนไปยัง Public Key ของผู้รับ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกบันทึกลง Blockchain แล้วเข้ารหัสด้วยวิธี Hash Function และส่งสัญญาณประกาศให้คนทั้งเครือข่ายรับรู้ และรับรองความถูกต้องของธุรกรรม
- ต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัย และความถูกต้องโดยนักขุด (Miner) โดยใช้กระบวนการ Proof of Work คือ นักขุดต้องเดาคำตอบของการถอดรหัส Hash Function ให้ถูกต้อง แต่ถ้ามีนักขุดหาคำตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ ก็จะยึดคำตอบส่วนมากของคอมในเครือข่ายเป็นอันที่ถูก และมีรางวัลเป็นเงินดิจิทัลนั่นเอง
สกุลเงิน Cryptocurrency มีอะไรบ้าง ?
นอกจาก Bitcoin (BTC) ที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของ Cryptocurrency แล้ว ยังมีสกุลเงินดิจิทัลตัวไหนอีกบ้างที่ได้รับความนิยม เราทำการยกตัวอย่างมาให้บางส่วน เช่น
Bitcoin Cash (BCH) – สกุลเงินที่พัฒนาออกมาจาก Bitcoin ทำให้มีการโอนที่ไวขึ้น และมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า BTC
Ethereum (ETH) – สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายธุรกรรม ถูกยอมรับจากหลายองค์กรชั้นนำ โดยมีการก่อตั้งกลุ่ม EEA เพื่อร่วมกันพัฒนา วิจัยเพิ่มความสามารถของสกุลเงินนี้
Litecoin (LTC) – เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความเร็วในการประมวลผลทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้เร็วกว่า Bitcoin ถึง 4 เท่า ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2011 โดย Charlie Lee อดีตวิศวกร Google
Ripple (XRP) – เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีบริษัท Ripple เป็นผู้ดูแลปริมาณเงินในระบบทั้งหมด มีความเสถียรและเป็นเงินดิจิทัลหลักสำหรับใช้แลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ
Stellar (XLM) – สกุลเงินที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Ripple เพื่อทำให้เป็นเงินดิจิทัลสำหรับถ่าย โอน แลกเปลี่ยนกับสกุลเงินหลัก และรองรับการใช้งานของคนทั่วไปที่ถ่ายโอนเงินจำนวนไม่มากนัก
Cryptocurrency ต่างจากสกุลเงินปกติทั่วไปยังไง ?
สกุลเงินปกติ (Normal Currency) เช่น เงินบาท เงินดอลลาร์ เงินหยวน จะผลิตออกมาโดยธนาคารกลางของรัฐในรูปของธนบัตรหรือเหรียญ สามารถทำธุรกรรมได้ในลักษณะการใช้เงินสด หรือรูปแบบออนไลน์ผ่าน Digital Payment อย่าง PromptPay, True Wallet หรือ Alipay ซึ่งผู้รับเงินจะได้รับเงินสดจริง ๆ ระบุตัวตนได้ว่าเงินอยู่ที่ใคร
สกุลเงินดิจิทัล Cryptocurrency เช่น Bitcoin แตกต่างจากสกุลเงินปกติ ตรงที่ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนกับธนบัตร หรือเหรียญทั่วไป มันมีมูลค่าในตัวเองก็ต่อเมื่อผู้คนให้ค่าในสกุลเงินนั้น ๆ ตรงกันทั้งสองฝ่าย เปรียบเสมือนสินทรัพย์ทั่วไป เช่น ทอง หรือพระเครื่อง ที่ผู้คนสร้างมูลค่าขึ้นมาเอง และไม่มีตัวกลางในการควบคุม จึงใช้ระบบ Blockchain เข้ามาช่วยในการทำธุรกรรม
เราก็ได้รู้กันไปแล้วว่า Cryptocurrency คืออะไร หากใครสนใจอยากจะลงทุน Cryptocurrency ก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลกันให้ดีก่อนนะครับ เพราะทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอ หากอยากลงทุนก็ควรศึกษาการลงทุนให้ดีเสียก่อน พร้อมกับเตรียม 10 แอปลงทุนที่ต้องมี ปี 2021 อัปเดตไว ไม่พลาดทุกการลงทุน
Bitkub : Thailand’s Cryptocurrency Exchange