หุ้นกู้คืออะไร?
ทำไมถึงน่าสนใจในการลงทุน
“อยากฝากเงินธนาคารแต่ดอกเบี้ยน้อย ซื้อหุ้นก็ความเสี่ยงหนัก ควรทำยังไงดี?”
มาทำความรู้จัก ‘หุ้นกู้’ ที่เขาว่ากันว่า.. เป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงน้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูง
หุ้นกู้คืออะไร?
หุ้นกู้ คือตราสารหนี้ประเภทหนึ่งที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน เพื่อระดมเงินทุนสำหรับใช้ในกิจการหนึ่ง ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นลุงทุนขยายกิจการ ซื้ออุปกรณ์ หรืออื่น ๆ จะคล้ายกับพันธบัตรรัฐบาลเพียงแต่เป็นของเอกชนครับ
เมื่อผู้ลงทุนซื้อหุ้นกู้ จะอยู่ในฐานะ ‘เจ้าหนี้’ ในขณะที่บริษัทที่ถูกซื้อ จะอยู่ในสถานะ ‘ลูกหนี้’ โดยจะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้ และต้องชำระเงินต้นคืนเมื่อถึงวันครบกำหนดอายุ โดยทั่วไปแล้วหุ้นกู้จะมีอายุ 3, 5, 7 หรือ 10 ปี แบ่งออกเป็นหน่วย ๆ แต่ละหน่วยมีมูลค่าเท่ากันคือ 1,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยปีละ 2-4 ครั้ง และต้องเสียภาษีรายได้ 15%
อัตราดอกเบื้ยของหุ้นกู้
- อัตราคงที่ (Fixed Rate)
หมายถึง ดอกเบี้ยที่กำหนดตายตัวเลยว่าจะได้รับเท่าไหร่ ตลอดระยะเวลาของหุ้นกู้ - อัตราลอยตัว (Floating Rate)
หมายถึง ดอกเบี้ยจะมีการปรับขึ้นลง ตามเงื่อนไขของสถาบันการเงินเพื่อให้สอดคล้องกับระบบการเงิน
ประเภทของหุ้นกู้
- หุ้นกู้แบบด้อยสิทธิ (Subordinated Bond หรือ Junior Bond)
ในกรณีที่บริษัทเอกชนล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้จะมีสิทธิในการเรียกร้องสินทรัพย์จากบริษัท ในอันดับที่ต่ำกว่าเจ้าหนี้สามัญ - หุ้นกู้แบบไม่ด้อยสิทธิ (Senior Bond)
ในกรณีที่บริษัทเอกชนล้มละลาย ผู้ถือหุ้นกู้จะมีสิทธิในการเรียกร้องสินทรัพย์จากบริษัท เท่าเทียมกับเจ้าหนี้สามัญรายอื่น ๆ - หุ้นกู้ชนิดมีประกัน (Secured Bond)
บริษัทจะนำสินทรัพย์มาเป็นหลักประกันให้กับผู้ลงทุนซึ่งจะมีสิทธิเต็มในสินทรัพย์นั้น ๆ โดยทั่วไปสินทรัพย์ที่นำมาเป็นหลักค้ำประกันจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่ามูลค่าของหุ้นกู้ที่เสนอขาย - หุ้นกู้ชนิดไม่มีประกัน (Unsecured Bond)
คือหุ้นกู้ที่ไม่อะไรมาเป็นหลักประกัน หากบริษัทล้มละลาย ผู้ลงทุนต้องทำการแบ่งสินทรัพย์กับเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ตามสิทธิและสัดส่วน - หุ้นกู้แบบแปลงสภาพ (Convertible Bond)
คือหุ้นกู้ที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นหุ้นสามัญของบริษัทได้ตามราคาที่กำหนด และสถานะของนักลงทุนก็เปลี่ยนไปเช่นกันครับ (จาก ‘เจ้าหนี้’ ไปเป็น ‘เจ้าของ’) ข้อดีจากหุ้นกู้แปลงสภาพคือเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถทำกำไรจากการซื้อขายได้มากที่สุด หมายถึง เมื่อใดที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนไปถือหุ้นสามัญได้ หรือถ้าราคาหุ้นต่ำลง ผู้ลงทุนก็สามารถเลือกถือหุ้นกู้เพื่อรับดอกเบี้ยตามงวดที่กำหนดต่อ ๆ ไป
ข้อดีของหุ้นกู้
- มีผลตอบแทนที่สูงกว่าการลุงทุนในพันธบัตรของรัฐบาล รวมทั้งการฝากเงินในธนาคาร
- เนื่องจากหุ้นกู้จะมีการจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ ให้แก่ผู้ลงทุน ดังนั้นจึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำ และต้องการให้เงินต้นอยู่ครบ
- นักลงทุนสามารถพิจารณาความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ จากประวัติทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทก่อนได้
- นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงนี้ไปยังธุรกิจประเภทต่าง ๆ ได้
- สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเองได้โดยไม่ต้องผ่านตลาดรอง และไม่ต้องรอให้ครบกำหนดการชำระหุ้นกู้
ความเสี่ยงของหุ้นกู้
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
เงินที่ลุงทุนในหุ้นกู้ ควรเป็นเงินเย็น หรือเงินที่ไม่นำออกมาใช้ เพราะว่าผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืน เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเท่านั้น - ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย
ผู้ลงทุนอาจจะเสียโอกาสในการได้รับดอกเบี้ยที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการซื้อหุ้นกู้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนและตายตัวตลอดระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ลงทุนเสียโอกาสในการได้รับดอกเบี้ยที่ดีจากการลงทุนตัวอื่น ๆ
- ความเสี่ยงด้านเครดิต
หากบริษัทเอกชนนำเงินจากการขายหุ้นกู้ไปลงทุน และเกิดผลเสียตามมาเช่น ถูกฟ้องล้มละลาย ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนไม่ได้ดอกเบี้ยตามที่กำหนด มากไปกว่านั้นอาจจะไม่ได้รับเงินต้นจากการซื้อหุ้นกู้ก็เป็นได้
เริ่มสนใจแล้ว แต่หาซื้อหุ้นกู้ได้จากที่ไหน?
- ซื้อที่ตลาดแรก
หมายถึงบริษัทเอกชน หรือธนาคารพาณิชย์ที่ทำการจัดจำหน่ายหุ้นกู้เป็นครั้งแรกให้ลงทุน โดยเสนอขายให้กับผู้ลงทุนในวงจำกัด (กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่ และการเสนอขายให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจง) และผู้ลงทุนทั่วไป - ซื้อที่ตลาดรอง
หมายถึงพื้นที่ที่ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถทำการซื้อขายตราสารหนี้ได้ (หลังจากมีการซื้อขายในตลาดแรกแล้ว)
หลังจากรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับหุ้นกู้แล้ว น่าสนใจมากเลยใช่ไหมครับ แต่ก่อนจะซื้อหุ้นกู้ ขอแนะนำว่าควรพิจารณาความสามารถที่จะได้รับการชำระหนี้คืน และวันครบกำหนดของหุ้นกู้ ก่อนการตัดสินใจซื้อ และการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยนะครับ