‘ขายภาพออนไลน์’
งานที่ 2 ของคนรักการถ่ายรูป
สำหรับคนที่มีงานประจำแต่อยากมีรายได้เพิ่มจากงานที่ 2 “การขายภาพออนไลน์” เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้คุณมีรายได้เพิ่ม ถ้าคุณรักการถ่ายรูป ซึ่งคุณสามารถนำรูปที่ถ่าย วิดิโอ ภาพ Vector ไปวางไว้ในเว็บไซต์ขายภาพได้โดยที่ไม่ต้องเสียเงินและเวลาไปโปรโมตหรือทำสัญญากับบริษัท เมื่อลูกค้าเข้ามาดูและดาวน์โหลดรูปภาพ คุณก็จะได้เงิน และลูกค้าก็ได้รูปที่ถูกลิขสิทธิ์ โดยกลุ่มลูกค้าจะมีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป บริษัทที่ต้องใช้รูปเพื่อธุรกิจการค้า ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้รูปประกอบบทความ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การขายภาพออนไลน์ก็มีข้อกำหนดที่ต้องเรียนรู้เบื้องต้นก่อนที่จะนำภาพไปขาย เพื่อให้เราถ่ายรูปได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า
การเตรียมตัวเข้าสู่วงการ “ขายภาพออนไลน์”
งานทุกอย่างบนโลกต้องมีการลงทุนก่อนเสมอ และการที่คุณจะทำงานที่ 2 ด้วยการขายภาพออนไลน์ สิ่งที่ต้องลงทุนเป็นอย่างแรกคือ
1. กล้องถ่ายรูป
ภาพที่จะนำไปขายส่วนใหญ่ต้องมีขนาดความคมชัดอย่างน้อย 4 ล้านพิกเซลขึ้นไป ถ้าอยากเพิ่มโอกาสให้ภาพขายได้ กล้องที่ใช้ควรเป็นกล้อง DSLR ที่มีความคมชัดสูง ราคาไม่เกินสามหมื่นก็จะมี Nikon D3400, Canon EOS 1300D, Nikon D5600, Pentax K-S2, Canon EOS 750D แต่ถ้าอยากเริ่มต้นแบบประหยัดงบอาจจะใช้กล้อง Mirrorless ที่สมัยนี้ผลิตออกมาให้มีความคมชัดใกล้เคียงกับกล้อง DSLR ราคาจะอยู่ที่ 15,000 – 20,000 บาท ถ้าอยากได้ภาพที่คมชัดขึ้นอีก แนะนำว่าควรซื้อขาตั้งกล้องไว้ด้วย เพื่อป้องกันการมือสั่นขณะถ่ายรูป
2. คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ที่ใช้ควรมีสเปกสูง เพื่อให้เราสามารถเปิดดูไฟล์รูปได้รวดเร็วและแต่งภาพได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญเลยคือ ใช้ฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุสูงเท่าไรยิ่งดี เพราะต้องเก็บภาพเยอะ
ทำอย่างไรให้ลูกค้าซื้อภาพ
ภาพสวย คมชัด สื่อความหมายได้
สิ่งที่ต้องคำนึงอย่างแรกก่อนที่จะนำภาพไปขาย คือ ภาพต้องสวย คมชัด (ซูมแล้วก็ยังชัดอยู่) และสื่อความหมายได้ เพราะลูกค้าต้องการนำรูปภาพของเราไปใช้เพื่อสื่อความหมายต่อ ดังนั้น ภาพที่ถ่ายออกมาจะต้องแสดงให้เห็นจุดเด่นสำคัญ สื่ออารมณ์ได้ชัด รวมถึงโทนสีต้องเข้ากับอารมณ์ของภาพได้ด้วย ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามความถนัดว่าจะถ่ายแนวไหน หากมีไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยว ก็ถ่ายสถานที่ท่องเที่ยว หรือถ้าอยากให้ลูกค้ามาซื้อภาพมากขึ้น ลองเข้าไปดูแต่ละเว็บว่ามีหมวดไหนบ้างที่ถูกค้นหาบ่อย ๆ
ค้นหาง่าย
การตั้งชื่อภาพสำคัญมาก ถ้าอยากเจาะตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น ควรที่จะตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ต้องใส่คำ Keyword เพื่อสื่อความหมายของรูปภาพนั้นด้วย เหมือนกับการใส่ Hashtag เพื่อให้คนค้นหาได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญรองลงมาจากข้อแรก เพราะถ้าภาพสวยแต่ค้นหาไม่เจอ โอกาสที่เราจะขายภาพได้ก็จะน้อยลง
เว็บไหนที่เรามีโอกาสขายภาพได้
การที่ลงภาพขายในเว็บไซต์ได้ คุณภาพของภาพนั้นต้องดีที่สุด ซึ่งทางเว็บไซต์จะมีการตรวจสอบว่าภาพนั้นผ่านหรือไม่ผ่านก่อนนำออกขาย แต่ถ้าไม่ผ่านก็ไม่ต้องกลัว เพราะทางเว็บไซต์จะแจ้งว่าต้องแก้ตรงไหน ซึ่งแต่ละที่ก็มีระดับความยากง่ายที่แตกต่างกัน จะมีเว็บไซต์ไหนบ้างมาดูกันเลย
Shutterstock เว็บขายภาพออนไลน์ที่มีผู้ดาวน์โหลดมากที่สุด มีการสอบเป็นช่างภาพ โดยการสอบนั้นจะเป็นการส่งภาพไปให้กับทางเว็บไซต์ 10 ภาพ และต้องผ่าน 7 ภาพ เพื่อเป็นการเช็กว่าฝีมือการถ่ายภาพดีพอที่จะนำภาพมาขายได้ไหม เพราะฉะนั้น คุณภาพของรูปที่ถ่ายต้องระดับดีเยี่ยม ซึ่งเหมาะกับมืออาชีพ แต่มือใหม่ก็ทำได้
iStockphoto หินที่สุดต้องยกให้ที่นี่ มีการสอบเป็นช่างภาพเหมือนกัน และต้องมีเทคนิคสร้างสรรค์ระดับดีมาก ภาพห้ามมีตำหนิแม้แต่นิดเดียว ยิ่งถ้าลงสมัครขายแบบ Exclusive ที่ต้องลงภาพแค่เว็บนี้เว็บเดียวเท่านั้น รายได้จะดีมาก และถ้าเป็นรูปที่ตลาดต้องการแต่มีน้อย รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก
Dreamstime ไม่มีการสอบช่างภาพ ลงทะเบียนแล้วส่งภาพให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้เลย การตรวจไม่เข้มงวดมาก ถ้าผ่านก็ขึ้นขายได้เลย
Fotolia ไม่มีการสอบช่างภาพ แต่มีการตรวจสอบก่อนขึ้นขายเหมือน Dreamstime
123RF รับภาพง่ายที่สุด เหมาะกับมือใหม่และมือสมัครเล่น
การทำงานที่ 2 โดยการเอางานอดิเรกมาสร้างมูลค่า หารายได้เพิ่ม เช่น การถ่ายภาพ อาจเป็นงานอดิเรกของใครหลาย ๆ คน จะดีกว่าไหม ถ้าเราทำในสิ่งที่ชอบแถมยังมีรายได้เพิ่มด้วย ถือเป็นการลงทุนในสิ่งที่รักแต่ก็ยังได้สิ่งตอบแทนเป็นเงินเพื่อไปต่อยอดอย่างอื่นได้
