ดริปกาแฟกินเอง

ถือโอกาส Work from home | สร้าง Slow bar ดริปกาแฟกินเองได้

หากคุณเคยมีความคิดที่อยากจะทำ Slow bar ในบ้าน หรือที่คอนโดก็แล้วแต่ โอกาสที่ได้ Work from home นี้มาทำให้มันเกิดขึ้นจริงกันเถอะ ดริปกาแฟกินเองจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ค่อย ๆ ฝึกเก็บประสบการณ์แล้ววันหนึ่งเราจะไม่ง้อบาริสต้านะครับ มาเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสสร้าง Slow bar
ดริปกาแฟกินเองที่บ้านง่าย ๆ ด้วย 7 ขั้นตอนนี้

7 ขั้นตอน ดริปกาแฟกินเอง
ในยุคที่ต้อง Work from home

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 1. เตรียมอุปกรณ์

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 1. เตรียมอุปกรณ์

ปัจจุบันมีความสะดวกสบายมากขึ้น หากใครไม่ได้อยากเตรียมอุปกรณ์เยอะแยะให้วุ่นวาย การเลือก Drip Coffee Bag ก็ตัวเลือกที่น่าสนใจนะครับ แนะนำ Alto Coffee Drip Bag แต่ถ้าใครอยากดริปกาแฟกินเองแบบจริงจังขึ้นมาอีกล่ะก็…มาเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้กันเลย

  • Dripper
  • Drip Kettle (กาดริป)
  • Carafe หรือแก้วที่รองรับ Dripper ด้านบน
  • กระดาษ Filter
  • Coffee Grinder แนะนำ Hand Grinder (แบบมือหมุน)
  • Scale (ตาชั่งกาแฟ)
  • เมล็ดกาแฟ (Single Origin หรือ Blend ตามชอบ)

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 2. Brewing Ratio

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 2. Brewing Ratio

อัตราส่วนระหว่าง ปริมาณกาแฟ : ปริมาณน้ำที่ใช้ เป็นสิ่งที่กำหนดรสชาติของกาแฟ ถ้าใช้ปริมาณน้ำมาก กาแฟจะจาง แต่ถ้าใช้ปริมาณน้ำน้อย กาแฟจะเข้มข้น อัตราส่วนที่แนะนำคือ กาแฟ 1 กรัม : น้ำ 15 กรัม ถ้าอยากได้บางกว่าสามารถปรับเป็น 1:16 หรือ 1:17 ก็ได้

ส่วนเรื่องอุณหภูมิของน้ำ แนะนำให้ใช้น้ำอุณหภูมิ 92 – 95 องศาเซลเซียส สำหรับกาแฟคั่วอ่อน หากใช้กาแฟคั่วกลาง แนะนำอุณหภูมิระหว่าง 80 – 89 องศาเซลเซียส

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 3. บดกาแฟแบบ Hand Grinder

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 3. บดกาแฟแบบ Hand Grinder

การบดกาแฟแบบ Hand Grinder เหมาะสำหรับดริปกาแฟกินเอง มันง่ายต่อการบดทีละน้อย บดในระดับความละเอียดประมาณน้ำตาลทรายหยาบ เมื่อบดเสร็จแล้วให้พักไว้ก่อน ลองดมกลิ่นของมัน เชื่อว่าหลายคนก็คงชอบขั้นตอนนี้เป็นพิเศษ ตอนที่ได้ดมกลิ่นของเมล็ดกาแฟที่ชอบแล้วจินตนาการถึงรสชาติของมัน

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 4. ล้าง Filter วอร์ม Dripper

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 4. ล้าง Filter วอร์ม Dripper

มาถึงขั้นตอนประกอบร่าง วาง Carafe บน Scale แล้วนำ Dripper วางด้านบน ใส่กระดาษ Filter ลงใน Dripper จากที่เราได้ต้มน้ำไว้ในขั้นตอนที่ 2 แล้ว ให้วนน้ำร้อนเพื่อล้างกลิ่นกระดาษ เมื่อน้ำไหลลงด้านล่างหมดแล้ว ให้เทน้ำทิ้ง เพื่อเป็นการวอร์ม Dripper และ Carafe แล้วนำ Dripper กลับมาวางเหมือนเดิม

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 5. For Cold drink (Drip on ice)

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 5. For Cold drink (Drip on ice)

ขั้นตอนนี้สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนมาดริปกาแฟกินเองแบบดริปเย็น อยากให้ลองใช้วิธี Drip on ice ดู เพราะ นอกจากจะช่วยลดอุณหภูมิให้กาแฟอย่างถูกต้องแล้ว พวกกลิ่นหอมของกาแฟก็จะไม่ฟุ้งกระจายจนเร็วเกินไปอีกด้วย ขั้นตอน Drip on ice สามารถทำต่อจากข้อที่แล้วได้เลย

  • ใส่น้ำแข็งลงใน Carafe แล้ววาง Dripper ที่ใส่ Filter อยู่ กลับเข้าไปเหมือนเดิม
  • ใส่เมล็ดกาแฟที่ถูกบดแล้วลงใน Filter

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 6. บลูม (Bloom)

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 6. บลูม (Bloom)

เป็นการ pre brew หรือเทน้ำรอบแรก กด Scale ให้เป็น 0 กรัม เริ่มเทน้ำรอบแรกในปริมาณ 2 เท่าของกาแฟ และเริ่มจับเวลาประมาณ 30 วินาที จังหวะนี้เป็นปฏิกิริยาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยน้ำร้อนจะเข้าไปแทนที่ก๊าซ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสกัด สำคัญคือ น้ำต้องสัมผัสกับกาแฟทุกส่วน

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 7. จบการดริป

ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 7. จบการดริป

จัดการดริปต่อได้เลย ค่อย ๆ วนน้ำที่เหลือลงไป เร่งความเร็วในการเท เพื่อให้ได้น้ำเยอะที่สุด วนด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอตลอดการดริป ทำการหยดจนน้ำกาแฟที่ได้เริ่มเปลี่ยนสี เจือจาง หรือสังเกตจากน้ำยุบเร็วขึ้น

  • ช่วงท้าย ค่อย ๆ เบามือลง หยดให้ช้าลง
  • ควรจบการดริปให้เสร็จภายในนาทีที่ 2.00 – 3.00
  • เมื่อจบการดริปแล้ว ให้เหวี่ยง Carafe เพื่อให้กาแฟเข้ากัน
  • ควรพักกาแฟให้อุณหภูมิลงก่อนสักเล็กน้อย แล้วค่อยเทใส่แก้ว

เห็นไหมครับว่าดริปกาแฟกินเองก็ไม่ได้ยาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ฝึกไปเรื่อย ๆ เพื่อดึงรสชาติของเมล็ดกาแฟนั้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ยังไงช่วงนี้อย่าลืมดูแลตัวเอง รักษาความสะอาดให้มากขึ้น ยุคของการ Work from home อาจเป็นโอกาสที่ทำให้คุณได้ฝึกสร้าง Slow bar ของตัวเองขึ้นมาก็ได้นะครับ

SHARE

RELATED POSTS