Search
Close this search box.
ปลดหนี้บัตรเครดิต

เทคนิคปลดหนี้บัตรเครดิต
พิชิตอิสรภาพทางการ (ใช้) เงิน

การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ คือวลีที่เป็นจริงตลอดกาล แต่สถาบันทางการเงินในปัจจุบันก็มักมีโปรโมชันล่อตาล่อใจ ชวนให้เราเป็นหนี้ได้อย่างง่ายดายชนิดที่ยากจะปฏิเสธเสมอ สำหรับมนุษย์เงินเดือนต้องยกให้ ‘หนี้บัตรเครดิต’ มาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะรูดง่าย ผ่อนสบาย หรือจะกดเงินสดมาใช้ก็แค่กระดิกปลายนิ้ว แต่เมื่อถึงคราวต้องใช้หนี้เป็นต้องบาดเจ็บกันแทบทุกราย เพราะส่วนใหญ่มักไม่วางแผนการใช้จ่ายให้รัดกุม สุดท้ายเมื่อตกเป็นหนี้ก็ต่างถอนตัวได้ยาก อย่างไรก็ตามถ้าคุณฮึดสู้และตั้งใจอยาก ‘ปลดหนี้บัตรเครดิต’ จริงๆ มันก็พอมีวิธีอยู่ 

เคล็ด (ไม่) ลับ ปลดหนี้บัตรเครดิต 
สำหรับคนมีเครดิต

ปลดหนี้บัตรเครดิต หยุดใช้บัตรเครดิต

หยุดใช้บัตรทันที

ทันทีที่รู้ตัวว่าเริ่มจัดการภาระหนี้ไม่ไหว ในทำนองที่ว่าฉันก็ใช้เงินคืนทุกเดือน แต่ทำไมพอถึงเวลาปิดรอบบิล ยอดหนี้กลับไม่ลดลงเลย บางครั้งกลับเพิ่มขึ้นด้วย นั่นอาจเป็นเพราะคุณจ่ายหนี้ตามยอดขั้นต่ำทุกเดือน และยังคงใช้บัตรอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ยังเคลียร์หนี้ก้อนเก่าไม่หมด ทางที่ดีคุณควรยอมรับสถานภาพว่า ตัวเองกำลังหนี้ และหยุดใช้บัตรเครดิตใบนั้นก่อน เพื่อยุติการสร้างหนี้เพิ่ม จนกว่าจะสามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้

ปลดหนี้บัตรเครดิต วางแผนใช้จ่าย

วางแผนการใช้จ่าย 

เมื่อหยุดใช้บัตรเครดิต ก็ดูเหมือนว่าสภาพคล่องทางการเงินของคุณจะหายไปใช่ไหม อย่าลืมนะว่าสถานการณ์ตอนนี้ต่างหาก คือสถานภาพทางการเงินที่แท้จริงของคุณ คือ ใช้เงินตามเงินเดือนจริง ไม่หยิบยืมเงินจากอนาคตมาใช้ อย่างไรก็ตามเมื่อหยุดใช้บัตรเครดิตแล้ว คุณต้องไม่ลืมเจียดรายรับที่มีอยู่ไปใช้หนี้บัตรที่ค้างอยู่ด้วย 

ทั้งนี้วิธีจัดสรรเงินเพื่อปลดหนี้บัตรเครดิตรในแต่ละเดือน ทำได้โดย แบ่ง ‘เงินก้อนแรก’ สำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายที่คงที่ เช่น ค่าผ่อนคอนโดมิเนียม ค่าผ่อนรถ หรือค่าประกันชีวิต ส่วน ‘เงินก้อนที่สอง’ เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับใช้หนี้บัตรเครดิต  ขอแนะนำว่าเงินก้อนนี้ควรจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจ่ายให้มากกว่ายอดหนี้ขั้นต่ำ ตามที่ธนาคารเจ้าของบัตรเรียกเก็บ เพื่อปลดหนี้ให้ได้ในเร็ววัน ส่วน ‘เงินก้อนที่สาม’ ค่อยแบ่งมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าช่วงนี้คุณจะต้องกระเบียดกระเสียรมากกว่าเดือนก่อนๆ อยู่แล้ว ขอให้อดทนเข้าไว้ เพื่อตัดปัญหาการเป็นหนี้ระยะยาว หรือไม่ก็หารายได้เพิ่ม

ปลดหนี้บัตรเครดิต ทยอยใช้หนี้

ทยอยใช้หนี้ให้เร็วที่สุด

หากเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ ให้ทยอยใช้หนี้บัตรที่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดก่อน เพราะธนาคารส่วนใหญ่มักเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูงสุด 20% ต่อปี หากไม่เราไม่สามารถใช้หนี้ทั้งก้อนได้หมดภายในรอบบิลเดียว จะถูกคิดดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่เรารูดบัตรชำระสินค้าเลย และดอกเบี้ยก็จะงอกเงยขึ้นทุกเดือนๆ

เช่น 1 พฤศจิกายน เรารูดบัตรเครดิตไป 20,000 บาท ต่อมา 10 พฤศจิกายน ธนาคารสรุปบิลเป็นยอดที่ต้องชำระเงินคืนคือ 20,000 บาท และให้ชำระตามกำหนดคือวันที่ 30 พฤศจิกายน แต่ในวันดังกล่าวเรากลับชำระได้แค่ยอดขั้นต่ำ 2,000 บาท ทำให้ยอดหนี้ที่เหลือค้าง 18,000 บาท ถูกนำไปคิดดอกเบี้ยในอัตรา 20% ต่อปี (หรืออัตราอื่นแล้วแต่ธนาคารกำหนด)

ปลดหนี้บัตรเครดิต สูตรคำนวณดอกเบี้ย

โดยมีสูตรคำนวณหาดอกเบี้ย ที่จะนำมาทบกับเงินต้นที่เรายังเคลียร์ไม่หมดคือ 

ดอกเบี้ย = (ยอดที่รูดบัตร x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันที่ค้างจ่ายในงวดนั้นๆ) / จำนวนวันใน 1 ปี

แทนค่า  ดอกเบี้ย = (20,000 x 20% x 29) / 365 = 317.81 บาท 

รวมยอดหนี้ที่ยังคงเหลือ คือ 18,000 + 317.81 = 18,317.81 บาท 

จะเห็นได้ว่าแม้จะใช้หนี้ไป 2,000 บาท จากยอดหนี้เต็ม 20,000 บาท แต่ยอดหนี้คงเหลือก็ไม่ได้เท่ากับ  18,000 บาทอย่างที่คิด และอย่าลืมนะว่าในรอบบิลถัดไป คุณจะถูกคิดดอกเบี้ยตามจำนวนวันที่ค้างจ่ายในแต่ละงวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ‘ทำไมเราไม่ควรจ่ายหนี้บัตรเครดิตตามยอดขั้นต่ำ’

ปลดหนี้บัตรเครดิต รวมหนี้เข้าสินเชื่อส่วนบุคคล

รวมหนี้เข้าสินเชื่อส่วนบุคคล

หากเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ แทนที่จะมานั่งปวดหัวกับการคำนวณยอดว่าจะจ่ายบัตรไหน จ่ายยอดเท่าไรดี คุณสามารถเจรจาขอรวมหนี้กับสถาบันทางการเงินที่เปิดให้บริการได้ โดยยอดหนี้ทั้งหมดจะถูกรวมเข้าเป็น ‘หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล’ ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเพียงก้อนเดียว จากนั้นคุณจะสามารถชำระเงินกับสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียว และเริ่มต้นคิดดอกเบี้ยในอัตราใหม่ แถมยังมีตัวเลือกระยะเวลาในการใช้หนี้ให้เลือกด้วย เช่น ชำระให้หมดภายใน 24 เดือน หรือ 36 เดือน เป็นต้น (ขึ้นกับดุลพินิจของสถาบันการเงินนั้นๆ) วิธีนี้จะช่วยลดภาระหนี้ในแต่ละเดือนลง และช่วยต่อเวลาให้คุณสามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้ทันเวลา

ถ้าสังเกตเห็นว่าตัวเองเริ่มรับผิดชอบหนี้ที่ก่อไว้ไม่ไหว อย่ามัวนิ่งนอนใจ แล้วปล่อยให้ตัวเองติดแบล็กลิสต์ จนมีปัญหากับการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคตแบบไม่รู้ตัว รีบมองหาหนทางเคลียร์หนี้ หรือเข้าไปเจรจากับธนาคารเจ้าของบัตรโดยเร็วที่สุด ยิ่งปลดหนี้ได้เร็ว ประวัติของคุณก็จะกลับคลีนโดยเร็วเช่นกัน และหากจะเป็นหนี้ครั้งต่อไป อย่าลืมนึกถึงวันนี้ วันที่ต้องอดทนใช้หนี้กันด้วยล่ะ

SHARE

RELATED POSTS

ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงเบือนหน้าหนีกับการทำประกัน รู้หรือไม่? ประเทศไทยมีจำนวนการทำประกันหรือซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตน้อยกว่าประเทศอื่นอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่เฉลี่ยแล้วคนญี่ปุ่น 1…
รู้จักกองทุนรวม ทางเลือกของคนที่อยากเริ่มต้นลงทุนและมีเงินเก็บ มันดีกว่าฝากธนาคารยังไง เสี่ยงมากน้อยขนาดไหน…
มีบัตรเครดิตหลายใบแล้วรูดจนเพลิน ไม่รู้ว่าใช้อะไรไปบ้าง มาบันทึกการใช้เงินด้วยแอปรายรับรายจ่าย พร้อมสรุปผลและวางแผนเรื่องเงินได้ทันที…
ปฏิวัติการดื่มกาแฟในบ้านด้วยโมเดลธุรกิจของ Nespresso ที่กว่าจะประสบความสำเร็จนี้ต้องล้มเหลวมากี่ครั้งจนกลายเป็น Business…