ว่าด้วยเรื่องของ…กีฬากอล์ฟ มือใหม่อยากเริ่มเล่นต้องรู้อะไรบ้าง
กีฬากอล์ฟเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และกอล์ฟสามารถเล่นได้ทั้งแบบคนเดียวและกับคู่แข่ง ซึ่งความจริงแล้วกอล์ฟเป็นกีฬาที่เราต้องแข่งกับตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตัวเราที่จะต้องวางแผนการเล่น ประเมินตัวเอง และเล่นให้ดีที่สุด แต่จะว่าไปแล้วกีฬากอล์ฟก็ดูเป็นกีฬาที่เกิดขึ้นมานานแล้ว วันนี้เราเลยจะพาไปดูประวัติกีฬากอล์ฟกันครับ และสำหรับใครที่มีความสนใจอยากเริ่มเล่นกอล์ฟ เราก็มีข้อควรรู้ พร้อมกติกา การนับคะแนน และมารยาทในการเล่นกอล์ฟมาบอกกันด้วย
ประวัติศาสตร์กีฬากอล์ฟ | The History of Golf
ประวัติศาสตร์ของกอล์ฟมีหลายประเทศที่บอกว่าเป็นต้นกำเนิด เช่น ในสมัยของชาวโรมัน มีหลักฐานเป็นภาพวาดและภาพปูนปั้น ที่ชาวโรมันเล่นเกมที่ใช้ไม้ปลายโค้งงอตีลูกกลม ๆ ซึ่งเรียกเกมนี้ว่า “Paganica”
ในประเทศฮอลแลนด์ ช่วงศตวรรษที่13 ก็มีการเล่นกีฬาที่คล้ายกับกอล์ฟ เรียกกันว่า “KOLF” เป็นที่นิยมมากในหมู่นักเดินเรือ นอกจากนี้ Feathery หรือลูกกอล์ฟขนนก ก็ถูกผลิตในประเทศฮอลแลนด์และส่งไปขายยังประเทศสก็อตแลนด์เป็นจำนวนมากในช่วงศควรรษที่ 16 เป็นหลักฐานได้อีกว่ากีฬากอล์ฟเกิดที่ประเทศฮอลแลนด์เช่นเดียวกัน
อย่างในประเทศญี่ปุ่น ก็พบรูปวาดโบราณที่แสดงให้เห็นว่าหญิงโสเภณีชั้นสูงของญี่ปุ่น เล่นกีฬาชนิดหนึ่งโดยใช้ไม้ปลายงอตีลูกกลม ๆ คล้ายกับการเล่นกอล์ฟเช่นกัน
ในกลางศตวรรษที่ 15 ช่วงที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ กีฬากอล์ฟได้มีการเล่นกันในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งราชวงศ์สก็อต จากการทำศึกต่อสู้กับองกฤษในสมัยนั้นทางสก็อตแลนด์มีบันทึกที่กล่าวไว้ว่า ทางรัฐสภาสกอตได้มีการให้ยกเลิกการเล่นกอล์ฟไปหลายปี เนื่องจากพลธนูและนายทหารไม่ไปซ้อมยิงธนู แต่หันไปติดเล่นกอล์ฟแทน และอีก 40 ปีต่อมาได้มีการสงบศึกกับอังกฤษ พระเจ้าเจมส์ที่ 4 รีบยกเลิกกฎหมายห้ามการเล่นกอล์ฟตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในศตวรรษที่ 16 กีฬากอล์ฟถือได้ว่าเป็นกีฬาที่เล่นอย่างแพร่หลายในฝั่งตะวันตกของประเทศสก็อตแลนด์
กลางศตวรรษที่ 18 กลุ่มนักกอล์ฟชายในสก็อตแลนด์ได้ก่อตั้งสมาคมกอล์ฟขึ้น โดยกำหนดกฎข้อบังคับที่ใช้ในการเล่นกอล์ฟ ต่อมาก็ได้ก่อตั้งสโมสรเดอะรอแยล แอนด์ เอเชียนกอล์ฟคลับ ออฟเซนต์แอนดรูวส์ (The Royal and Ancient Golf of Saint Anderws หรือ R&A) ซึ่งเป็นสมาคมกอล์ฟที่เก่าแก่ที่สุด เพื่อกำหนดและแก้ไขกฎข้อบังคับและมารยาทสำหรับกีฬากอล์ฟอย่างเป็นทางการ
ต่อมาในศตวรรษที่ 20 สมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Golf Association หรือ USGA) ได้เข้ามาร่วมวินิจฉัยแก้ไขเพิ่มเติมกฎข้อบังคับและมารยาทสำหรับกีฬากอล์ฟให้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้กีฬากอล์ฟยังได้เริ่มเล่นในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 และนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา
และยังมีหลักฐานจากพระนาง Mary Queen of Scott พระราชธิดาของกษัตริย์เจมส์ที่ 5 ทรงเล่นกอล์ฟและให้นักเรียนนายร้อย (Cadet) เป็นผู้แบกถุงกอล์ฟให้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าต่อมาอาจเป็นคำเริ่มต้นที่ใช้เรียกคนแบกถุงกอล์ฟว่า แคดดี้ (Caddie) ในปัจจุบันก็ได้
ซึ่งสนามกอล์ฟในเมือง Leith ถือเป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกของสก็อตแลนด์ มีรูปแบบการเล่นเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับในปัจจุบัน โดยมีอยู่ด้วยกัน 5 หลุม และยังมีสนามกอล์ฟเกิดขึ้นอีกมากมายในกลางศตวรรษที่ 16 เช่น St.Andrews, Perth, Montrose, Dornoch, Banff, North Inch และ Aberdeen
กอล์ฟ กีฬาของคนทั่วโลก
กีฬากอล์ฟในสก็อตแลนด์เริ่มมีการอิ่มตัวและมีเหตุการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้กีฬากอล์ฟถูกลดความสนใจลงไป และหยุดการพัฒนาลงไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 แต่กีฬากอล์ฟก็กลับมาเป็นที่นิยมดังเดิมในปี คศ. 1850 และเริ่มแพร่หลายเข้าสู่เมืองอาณานิคมอังกฤษ จนเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา
จากนั้นเป็นต้นมา กีฬากอล์ฟก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและได้รับความนิยมไปทั่วโลก ทำให้มีจำนวนนักกอล์ฟนับร้อยล้านคนทั่วโลก รวมถึงสนามกอล์ฟก็มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการของนักกอล์ฟ และนักกอล์ฟอาชีพ ซึ่งสามารถทำรายได้และชื่อเสียงให้กับตัวของนักกอล์ฟเอง จนเป็นเป้าหมายให้กับนักกอล์ฟรุ่นใหม่จำนวนมากที่พยายามจะขึ้นมายืนอยู่ ณ จุดเดียวกันให้ได้ อีกทั้งอุตสาหกรรมของกีฬากอล์ฟก็เติบโตอย่างรวดเร็ว มีเม็ดเงินมหาศาลหมุนเวียนอยู่ในโลกของกีฬากอล์ฟ และที่สำคัญกีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่มีความท้าทายสูง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ อาจเรียกได้ว่ากีฬากอล์ฟนั้นเป็น Game of the World ได้เลย
มือใหม่หัดเล่นกอล์ฟ จำเป็นต้องรู้อะไรบ้าง ?
กอล์ฟเป็นกีฬาที่เราสามารถจะเล่นเป็นงานอดิเรก หรือเล่นจริงจังไปจนถึงขั้นแข่งขันทั้งในระดับสมัครเล่นและระดับอาชีพเลยก็ได้ ถือเป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมระดับโลก สำหรับใครที่สนใจอยากหันมาเริ่มเล่นกอล์ฟ วันนี้เรามีสิ่งที่ควรรู้ก่อนเล่นมาบอกกัน
- กอล์ฟเป็นกีฬากลางแจ้ง สนามกอล์ฟที่เล่นมักจะมีอุปสรรคหรือสิ่งกีดขวาง หลุมแต่ละหลุมก็อยู่ห่างกัน และอยู่บนพื้นกรีน ซึ่งเป็นสนามหญ้าตัดเรียบ
- ผู้เล่นจะมีไม้กอล์ฟหลายอันเป็นชุด แต่ไม่เกิน 14 อัน ใช้ตีลูกเล็ก ๆ จบเป็นหลุมต่อเนื่องกันไป อาจจะ 9 หรือ 18 หลุมตามแต่กำหนด โดยนับการตีจำนวนครั้งให้น้อยที่สุด จะดีที่สุด
- จุดเริ่มตีลูกไปสู่หลุมต่าง ๆ เรียกว่า ที (Tee) ระหว่าง ทีและกรีน จะเป็นแนวสนามมีหญ้าตัดหยาบเรียกว่า แฟร์เวย์ (Fairway) สนามกอล์ฟสมบูรณ์แบบจะมี 18 หลุม แต่ละหลุมมีแฟร์เวย์ยาวตั้งแต่ 90 – 550 เมตร (100 – 600 หลา) และแต่ละคอร์สของสนามกอลฟ์เรียกว่า โฮล (หลุม)
- ผู้เล่นต้องตีลูกจากที (หมุดพลาสติกที่กดปักกับพื้นสนาม) ไปตามแฟร์เวย์เข้าสู่กรีน และตีให้ลงหลุม โดยตีให้น้อยครั้งที่สุด ซึ่งในแต่ละหลุมจะมีการกำหนดจำนวนครั้งของการตี (Stroke) โดยพิจารณาตามระยะทางจากที จำนวนที่กำหนดเรียกว่า พาร์ (Par) ถ้าตีลูกกอล์ฟลงหลุมได้ตามจำนวนครั้งที่กำหนดไว้ แต่ละหลุมจะเรียกว่า ได้พาร์
- สนามกอล์ฟยังมีสิ่งกีดขวางอีกมาก ตามแต่สถานที่ เช่น ต้นไม้ ลำธาร แนวหญ้าหนา และบ่อทราย
- กอล์ฟเล่นกันได้หลายแบบ เช่น เล่นกันเป็นก๊วน ก๊วนละ 1 – 4 คน ตีทั้งหมด 18 หลุม หรือเปิดการแข่งหลาย ๆ คน เรียกว่า “คอมเปะ” แล้วจะสมัครเข้าร่วมการแข่งขันก็ได้
- ไม้กอล์ฟแบ่งเป็น 4 ประเภท เหมาะกับการเล่นในลักษณะที่ต่างกันไป เช่น ชนิดหัวไม้ (Woods) เหมาะสำหรับการตีลูกไกล ๆ จากแฟร์เวย์ไปยังกรีน หัวไม้เบอร์ 1 หรือไดร์ฟเวอร์ (Driver) จะเหมาะกับการตีลูกจากที ไปยังหลุมไกล ๆ ชนิดหัวเหล็ก (Iron) เหมาะสำหรับหลุมใกล้ ๆ หรือตีไกล หลังจากไดร์ฟมาแล้ว ส่วนเวจ (Wedge) เหมาะสำหรับการตีลูกข้ามสิ่งกีดขวาง หรือตีออกจากบ่อทราย ส่วนพัตต์เตอร์ (Putter) ใช้สำหรับการตีลูกบนกรีน
การเลือกไม้กอล์ฟสำหรับมือใหม่ อาจเริ่มเล่นจากไม้ชุดเล็ก ๆ แล้วหยิบยืมหรือซื้อไม้มือสองเอาก็ได้ครับ ซึ่งตามปกติไม้กอล์ฟ ชุดหนึ่งจะประกอบด้วยหัวไม้ 3 อัน หัวเหล็ก 8 อัน เวจ 1 อัน เวจที่ใช้กับบ่อทราย 1 อัน และพัตต์เตอร์ 1 อัน ถ้าหากสมัครเข้าชมรมก็อาจจะขอคำแนะนำจากโปร เพราะจะเข้าใจความต้องการและการเล่นของเราได้ดีกว่าคนอื่น
กติกาและการนับคะแนนของกีฬากอล์ฟ
กฏกติกาของกีฬากอล์ฟเป็นหลักสากล อาจมีกฏต่าง ๆ เพิ่มเติมบ้างขึ้นอยู่กับแล้วแต่ละชมรมจะกำหนด แต่ส่วนใหญ่แล้ววิธีการเล่น และการนับคะแนนที่นิยมกันมี 2 แบบ คือ
- การเล่นแบบนับแต้ม (Stroke Play)
ในการเล่นกอล์ฟแบบนี้จะนับสโตรก หรือจำนวนครั้งของการตีทั้งหมดเมื่อเล่นครบ 18 หลุม ผู้ที่สโตรกน้อยที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
- การเล่นแบบนับหลุม (Match Play)
เป็นการเล่นกอล์ฟแบบนับสโตรกในแต่ละหลุม ผู้ที่ตีด้วยสโตรกน้อยกว่าจะเป็นผู้ชนะในหลุมนั้น และผู้เล่นที่ได้ชัยชนะในหลุมต่าง ๆ เป็นจำนวนที่มากหลุมกว่า ก็จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน เพราะถึงแม้ว่าจะเล่นต่อไปในหลุมที่เหลือก็ชนะอยู่ดี เช่น ผู้ที่ได้ชัยชนะในหลุมแรก หรือชนะ 10 – 8 จะถือว่าชนะเด็ดขาด
ซึ่งในการเล่นทั้ง 2 แบบนี้ หากต้องเสมอกัน เมื่อตีครบทุกหลุมที่ตกลงกันแล้วจะไปเริ่มที่หลุมหนึ่งใหม่ และเล่นไปจนกว่าจะมีผู้ชนะในหลุมใดหลุมหนึ่ง หรือที่เรียกการเล่นแบบนี้ว่า Sudden death play-off
สำหรับการเล่นแบ่งข้างหรือแบ่งกลุ่มนั้น ในการเล่น 4 คน ใช้ลูก 2 ลูก (Foursome) ผู้เล่นข้างเดียวก็จะผลัดกันตีลูกเดียวกัน แต่ถ้าใช้ 4 ลูก (Four balls) ผู้เล่นแต่ละคน จะต้องตีลูกของตัวเอง และจะนับแต้มที่ดีที่สุด จากนั้นจะเลือกว่าจะตีลูกไหนเป็นลูกต่อไป โดยที่ไม่สนใจลูกแรก แล้วจึงผลัดกันตี
วิธีการนับสกอร์กอล์ฟ
ในแต่ละหลุมจะมีการกำหนดจำนวนครั้งของการตีไว้ที่ 3 – 5 สโตรก (พาร์) โดยพื้นฐานแล้วทั้งหมด 18 หลุม จะมีพาร์รวมกันเท่ากับ 72 สโตรก ทั้งนี้การนับสกอร์จะนับจำนวนครั้งของการแกว่งไม้ตี กรณีที่ตีไม้โดนลูกก็ถือว่าเป็นการตี 1 สโตรกเช่นกัน และสกอร์ในแต่ละหลุมจะมีชื่อเรียกเฉพาะ ดังนี้ เช่น
- หากตีลงหลุมโดยตีมากกว่าพาร์ที่กำหนด 1 สโตรกเรียกว่า “โบกี้” ถ้ามากกว่า 2 สโตรก เรียกว่า “ดับเบิ้ลโบกี้”
- หากตีลงหลุมโดยตีน้อยกว่าพาร์ที่กำหนด 1 สโตรกเรียกว่า “เบอร์ดี้” และถ้าน้อยกว่าพาร์ 2 สโตรกก็จะเรียกว่า “อีเกิ้ล”
- กรณีที่ตีลูกออกไปนอกสนาม (OB) หรือตกสระน้ำ จะต้องถูกทำโทษโดยการบวกสโตรกที่ตีเพิ่ม จำนวนสโตรกที่ลงโทษจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการแข่งขัน, ภูมิภาค หรือสนามกอล์ฟ เป็นต้น
มารยาทของกีฬากอล์ฟ
อย่างที่บอกว่ากีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ต้องแข่งกับตัวเอง จึงถูกขนานนามว่าเป็นกีฬาทางจิตใจขั้นสูงสุด เนื่องจากสมาธิของผู้เล่นนั้นส่งผลต่อการเล่นเป็นอย่างมาก ผู้ร่วมเล่นทุกคนจึงต้องมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นเวลาที่ผู้เล่นตีลูกกอล์ฟ ผู้เล่นคนอื่นหรือผู้ชมโดยรอบจะต้องไม่เข้าไปขวางวิสัยทัศน์และรออยู่ด้านหลังอย่างสงบเงียบ
นอกจากนี้กอล์ฟยังเป็นกีฬาที่ละเอียดอ่อน รอยบุ๋มบนพื้นหรือทิศทางของหญ้าก็มีผลกับการเล่นโดยตรง เพราะฉะนั้นผู้เล่นจะต้องใช้ Green Folk (ที่ซ่อมกรีน) ซ่อมรอยลูกกอล์ฟที่ตกลงบนกรีน และเดินบนไลน์ของพัตเตอร์ที่ลูกกอลฟ์ผ่าน เพื่อไม่ทำให้เกิดรอยเท้าบนพื้น
หลายคนมักคิดว่าเล่นกอล์ฟจะต้องใส่เสื้อโปโล แต่ในบางกรณีก็มีข้อกำหนดในการแต่งกาย ขึ้นอยู่กับแต่ละสนามจะกำหนด เช่น บางที่อาจกำหนดให้ใส่เสื้อที่มีคอปก และในคลับเฮาส์จะต้องสวมแจ๊คเกต เป็นต้น
ทั้งนี้ผู้ร่วมเล่นทุกคนจะต้องรักษามารยาทและคำนึงถึงผู้เล่นคนอื่น เพื่อให้เล่นกอล์ฟกันได้อย่างสบายใจนะครับ