ส่องเส้นทาง Twitch แพลตฟอร์มของเกมเมอร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน คงยังไม่มีใครรู้จัก Twitch (ทวิทช์) สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรในตอนแรก แต่ถ้าเราพูดถึง Twitch ในวันนี้ ใครที่เป็นสายเกมเมอร์ หรือสตรีมเมอร์คงร้อง อ๋อ! กันหมดแล้วอย่างแน่นอน เพราะพื้นที่แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นคอมมูนิตี้ของคนเล่นเกมเลยก็ว่าได้ ใช่แล้วครับวันนี้เราจะพาไปรู้จักแพลตฟอร์ม Twitch กันว่าทำไมจากจุดเริ่มต้นที่ดูไม่มีอะไร แต่ปัจจุบันกลายเป็นแพลตฟอร์ม Livestream ที่ใหญ่ที่สุดบนอินเทอร์เน็ตไปแล้ว
สตรีมเกมต้องนึกถึง Twitch (ทวิทช์)
Twitch (ทวิทช์) แพลตฟอร์มถ่ายทอดสด หรือ Livestream โดยคอนเทนต์ที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จัก Twitch คือการถ่ายทอดสดการเล่นเกม หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “สตรีมเกม” นั่นแหละครับ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าสตรีมเมอร์จะต้องเล่นแค่เกมนะ จะนำเสนออย่างอื่นก็ได้ เช่น ร้องเพลง พูดคุย ท่องเที่ยว ได้หมดเลย โดยมีระบบการสร้างรายได้ให้สตรีมเมอร์หน้าใหม่ที่เพิ่งมาสตรีมด้วย ตามเงื่อนไขที่ตั้ง เมื่อผ่านเกณฑ์แล้วก็จะได้เป็นพันธมิตรกับ Twitch การสมัครสมาชิกจะทำให้ผู้ชมจ่ายเงินต่อเดือน เพื่อสนับสนุนช่องของสตรีมเมอร์ นอกจากนี้ Twitch ยังพาแพลตฟอร์มมาถึงการถ่ายทอดสดการแข่งขันอีสปอร์ต (E-Sport) ทั้งในเกม Overwatch, DOTA 2, League of Legends, PUBG และอื่นๆ อีกมากมาย
เส้นทางของ Twitch
หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 แน่นอนว่ายุคนั้นการถ่ายทอดสด หรือทำ Livestream อาจฟังดูเป็นเรื่องที่ล้ำ และยังไม่ค่อยมีใครทำ แต่ในสมัยนั้นสิ่งที่โลกรู้จักคือ เว็บไซต์ “Justin.tv” ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Justin Kan, Emmett Shear, Michael Seibel และ Kyle Vogt ซึ่งในเวลานั้นเป็นเพียงแพลตฟอร์มเผยแพร่วิดีโอออนไลน์ที่มีระบบ Broadcast คล้ายกับ Youtube โดยเปิดให้คนทั่วไปสามารถมีช่องถ่ายทอดสดเป็นของตัวเองได้ แบ่งหมวดคอนเทนต์ออกมาหลากหลาย เช่น เทคโนโลยี, ข่าว, กีฬา, ความบันเทิง รวมไปถึงเกม
ต่อมาในปี 2010 จึงได้ตัดสินใจนำหมวด “เกม” ออกมา เนื่องจากการถ่ายทอดสดเกม ได้รับความนิยมและเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงได้เปิดตัว Twitch เพื่อนำเสนอคอนเทนต์ของเกมโดยเฉพาะไปเลยในปี 2011 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการจับตลาดที่ถูกทิศทาง เพราะได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด เมื่อหันมาจับตลาดเกมอย่างจริงจัง โดยมีผู้ใช้งานในระบบไม่ต่ำกว่า 50 ล้านคนต่อเดือน
เมื่อ Twitch ประสบความสำเร็จหลังจากเปิดตัวได้ 3 ปี ทางบริษัทเลยอยากหันมาทุ่มเทให้กับ Twitch เลยได้จัดตั้งบริษัทแม่ เพื่อดูแลกิจการของ Twitch โดยเฉพาะ ในชื่อ Twitch Interactive และสุดท้ายถูก Amazon เข้าซื้อกิจการในปี 2014 ด้วยมูลค่า 970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 32,000 ล้านบาท
หลังจากที่ Twitch เข้ามาอยู่กับ Amazon ได้ประมาณ 2 ปี ก็มีบริการใหม่ ๆ ออกมา โดยยังคงเป็นลูกเล่นให้กับ Twitch มาจนถึงทุกวันนี้ คือ
- Cheering การเชียร์เจ้าของช่อง ผ่านการส่งตัวอิโมติคอนพิเศษ คล้ายกับการบริจาค (Donate) โดยใช้สกุลเงินพิเศษที่ซื้อผ่าน Amazon Payments ที่ชื่อว่า “Bits” ในการส่ง
- Twitch Prime (ชื่อปัจจุบัน Prime Gaming) สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Amazon Prime สามารถเลือก Subscribe ช่องใดก็ได้ 1 ช่อง โดยไม่ต้องดูโฆษณาคั่นสตรีม ได้รับของฟรี (Game Loot) รวมไปถึงส่วนลดเกมประจำแต่ละเดือนด้วย
จุดเด่นของ Twitch
- ฟังก์ชันการสตรีมต่าง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อรับรองการสตรีมเกมโดยเฉพาะ ทั้งในด้านภาพ เสียง และการโต้ตอบ
- โมเดลการทำเงินของ Twitch กับเจ้าของช่อง เปิดช่องทางให้กลุ่มคนดูกด Follow หรือ Donate เงินให้กับสตรีมเมอร์ได้ และหากเจ้าของช่องนั้นเป็นพันธมิตร (Partner Channel) แล้วจะทำให้สามารถจัดกิจกรรม หรือเปิดรับ Subscribe และมีส่วนแบ่งรายได้จากโฆษณากับ Twitch อีกด้วย และยังมีรายได้อีกช่องทางอื่น ๆ ที่ทาง Twitch ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Sponsorship ธุรกิจแบรนด์ดังที่เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนสตรีมเมอร์, Loyalty Programs เปิดโอกาสให้สตรีมเมอร์มอบรางวัลให้แก่สมาชิกที่ติดตามช่อง
- สิ่งที่เห็นได้ชัดของ Twitch เลยคือการเป็น Community Support ซึ่งไม่ใช่แค่ทางทีมงานของ Twitch เองที่สนับสนุนเจ้าของช่อง แต่ยังรวมไปถึงสมาชิกที่ Subscribe สตรีมเมอร์คนนั้นด้วยที่ถ้าชอบ รักจริง ก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ และที่สำคัญคือพฤติกรรมของคนไทยคุ้นชินกับการจ่ายเงินในเกม ทำให้การสนับสนุนมาทั้งในรูปแบบของ Bits และเมื่อรักแล้วจะไม่ค่อยเลิกติดตาม ทำให้ฐานผู้ชมของ Twitch มีความชัดเจน เฉพาะกลุ่มอย่างเห็นได้ชัด แพลตฟอร์มนี้จึงกลายเป็นคอมมูนิตี้ของคนเล่นเกมที่แท้จริง
อัปเดต Twitch ปรับราคาค่าสมัครสมาชิกรายเดือน (Subscription)
Twitch ได้ประกาศปรับค่าสมัครสมาชิกรายเดือนให้เหมาะสมกับผู้ชมและเหล่าสตรีมเมอร์ในแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็อยู่ในลิสต์ที่จะถูกปรับราคาลงเช่นกัน โดยถูกลดไป 57% จาก 160 บาท เหลือ 69 บาท
นอกจากการลดราคาลงแล้ว ยังมีโปรโมชันประจำเดือนกันยายนที่ถูกจัดขึ้นทุกปี คือ SUBtember ผู้ชมจะสามารถสนับสนุนเหล่าสตรีมเมอร์ได้พร้อมกับส่วนลด 20% หรือมากกว่าจากราคาที่ซื้อ
มาถึงตรงนี้แล้วเราจะเห็นสิ่งหนึ่งที่ Twitch เป็นและดำเนินมาตลอดคือการเจาะกลุ่มเฉพาะ ถึงแม้ว่าจะมีคอนเทนต์อื่น ๆ ผสมโรงอยู่ด้วย แต่คอนเทนต์เกมยังคงเป็นตัวชูโรง จนทำให้แพลตฟอร์มนี้เป็นคอมมูนิตี้ที่ทุกคนพูดคุยเป็นภาษาเดียวกัน ซึ่งทุกความชอบ ทุกกิจกรรมก็ควรมีพื้นที่เฉพาะเป็นของตัวเอง และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เราก็เห็นแพลตฟอร์มเฉพาะพวกนี้เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มคอนเทนต์ผู้ใหญ่อย่าง Onlyfans รวมไปถึงแพลตฟอร์มที่รวบรวมผู้คนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกันเอาไว้ได้อย่าง Clubhouse และอีกหนึ่งสิ่งที่ Twitch ยังมีบทบาทสำคัญต่อเนื่องคือกีฬาอีสปอร์ต ที่มาแรงแซงทางโค้ง แถมตอนนี้ยังถูกบรรจุเป็นกีฬาอาชีพแล้วด้วย เชื่อว่ายังมีอะไรให้ติดตามอีกมากแน่นอน
