Search
Close this search box.
Digital Disruption

รับมือกับ “Digital Disruption”
ที่กำลังทำให้ธุรกิจเก่า ๆ หายไป

การเปลี่ยนของโลกที่กำลังกลายเป็นปัญหาสำหรับเจ้าของธุรกิจคงหลีกเลี่ยงไม่พ้นกระแสของ Digital Disruption ความหมายตรงตัวก็คือ สภาวะที่ธุรกิจหยุดชะงักเพราะกระแสของเทคโนโลยี เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ธุรกิจหลายตัวก็ถดถอยไป ทำให้หลายธุรกิจปรับตัวไม่ทันและถึงขั้นต้องปิดตัวลง เพราะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วเช่นนี้ไม่ไหว โดยเฉพาะธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองในอดีต ต้องถูกฝังกลบลงไปด้วยกระแสของ “Digital Disruption” ที่เป็นการทำลายธุรกิจรูปแบบเก่าด้วยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ สร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าของธุรกิจอยู่ไม่น้อย

Digital Disruption กระทบวงการธุรกิจไหนบ้าง

ร้านเช่า CD, DVD ได้รับผลกระทบจาก Digital Disruption

ร้านเช่า CD, DVD

ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากกระแสของ Digital Disruption อย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือ ธุรกิจร้านเช่าหนัง CD, DVD ที่ค่อย ๆ ทยอยหายไป เพราะผู้คนหันมาดูหนังออนไลน์มากขึ้น จากเดิมที่เช่าหนัง 25 – 30 บาทต่อหนึ่งเรื่อง การจ่ายเพียง 350 บาทต่อเดือนให้กับ Netflix ถือว่าคุ้มกว่ามาก เพราะจะรับชมหนังกี่เรื่องก็ได้ แถมยังมีหนังให้เลือกเยอะ ตั้งแต่หนังเก่า – หนังใหม่ เพราะมีการให้บริการ Streaming ที่ทำให้เราดูหนังใหม่ที่เพิ่งฉายในโรงได้เร็วกว่าเดิม

อีกทั้งยังเลือกระดับความคมชัดได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ดูผ่านมือถือหรือแท็บเล็ตได้อย่างสบาย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น หนังที่ทาง Netflix สร้างเองก็ไม่แพ้หนัง Hollywood เลย บางเรื่องถือว่าเจ๋งกว่าด้วยซ้ำ และนี่แหละที่ทำให้ร้านเช่า CD หายไป เพราะถูก Disrupt จากเทคโนโลยีอันก้าวไกลอย่าง Netflix

เพราะฉะนั้น ทางรอดในยุค Disruption ของธุรกิจอาจจะต้องปิดกิจการแล้วเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน หรืออาจจะลองหาตลาดใหม่ โดยการย้ายแพลตฟอร์มเป็นออนไลน์ แล้วขายของพวกนี้ให้กับคนที่ยังหลงใหลในความคลาสสิกอยู่ ซึ่งในอนาคตมันอาจจะกลายเป็นของหายาก มีความวินเทจ และคนก็อยากเก็บเป็นของสะสม เหมือนที่ตอนนี้ที่คนกลับมาเล่นกล้องฟิล์ม

แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะหาลู่ทางธุรกิจหรืองานอื่น ๆ ทำไปด้วย เพราะกว่าที่ CD, DVD จะหวนกลับมาฮิตอีกครั้งคงยากมาก ๆ และก็นานด้วย อีกอย่างคือน้อยมากที่คนจะมาเปิดเครื่องเล่นซีดีเพื่อดูหนังแผ่น ซึ่งมีโอกาสที่จะกลายเป็นแค่ของตกแต่งบ้านหรือร้านค้า

DigitalDisruption

ร้านค้าโชว์ห่วย

ร้านค้าโชว์ห่วยก็หนีไม่พ้นกระแสของ Digital Disruption เช่นเดียวกัน เพราะตอนนี้คนส่วนใหญ่หันมาซื้อของในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11, Family mart มากขึ้น รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อาจซื้อได้ราคาถูกกว่า มีสินค้าให้เลือกเยอะกว่า นอกจากนี้ ยังมีการซื้อ – ขายสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็น Lazada, Shopee หรือช่องทางอื่น ๆ ที่ไม่ต้องเดินออกไปซื้อของข้างนอกอีกต่อไป ดังนั้น การสร้างความสะดวกสบาย มีสินค้าให้เลือกเยอะ จึงทำให้ร้านโชว์ห่วยบางร้านค่อย ๆ ปิดตัวลงไป

พนักงานธนาคาร ได้รับผลกระทบจาก DigitalDisruption

พนักงานธนาคาร

จะอยู่มานานแค่ไหน ถ้าเจอกระแส Digital Disruption ก็ต้องถอย ซึ่งในตอนนี้ธนาคารหลายสาขาได้ทยอยปิดตัวลง เนื่องจากการทำธุรกรรมทางการเงินบางรายการไม่จำเป็นต้องไปที่สาขาให้เสียเวลาเดินทางและกดบัตรคิว เพราะเราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้โดยใช้มือถือเพียงเครื่องเดียว จะโอนเงิน จะชำระค่าสินค้า ก็ไม่ต้องออกไปตามหาตู้ ATM หรือธนาคาร ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่ากระแสของ Digital Disruption ได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนในช่วงที่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนเป็นออนไลน์ พลอยทำให้พนักงานธนาคารตกงานกันเป็นแถว

ทางรอดของพนักงานธนาคารก็คงจะต้องเพิ่มศักยภาพด้านอื่น ๆ ให้กับตัวเอง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกเลย์ออฟหรือเปล่า แนะนำว่าให้เพิ่มศักยภาพด้านการตลาด การขาย การประชาสัมพันธ์ การพูด การเขียน ฯลฯ เพราะทักษะต่าง ๆ เหล่านี้สามารถต่อยอดอาชีพอื่น ๆ ได้ ถ้าโชคดีอาจจะเจออาชีพที่ใช่กับเราไปเลย

Digital Disruption

พนักงานขับรถแท็กซี่

ความน่ากลัวของกระแส “Digital Disruption” อีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังโด่งดังในโซเชียลขณะนี้ คงหนีไม้พ้นจากกระแสของการเรียกใช้บริการแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน “Grab” ที่เข้ามาแทรกแซงวงการคนขับแท็กซี่จนต้องลุกขึ้นมาต่อต้าน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะ Grab ก้าวไปไกลเกินกว่าที่จะหยุดยั้งได้ ด้วยการบริการที่สามารถคำนวณค่าเดินทางและไม่ต้องกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ โดยเฉพาะ Grab car ที่ไม่ว่าผู้ขับจะขับวนไปไกลแค่ไหน ติดไฟแดงนานเท่าไร ก็ไม่ต้องระแวงว่าต้องจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม อีกทั้งยังให้บริการลูกค้าอย่างสุภาพ หากวันไหนไม่ได้พกเงินสดก็สามารถตัดผ่านบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตได้เลย

ความพิเศษของ Grab นอกจากจะขนส่งผู้โดยสารแล้ว ยังมีบริการขนส่งสิ่งของและอาหาร รวมไปถึงให้บริการจองโรงแรมอีกด้วย “Grab” จึงเป็นรูปแบบธุรกิจสมัยใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในสังคมไทยยุคปัจจุบัน และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ใช้สมาร์ตโฟน และผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเรียกใช้บริการ

สำหรับการปรับตัวของพนักงานขับแท็กซี่ ควรเพิ่มช่องทางหาลูกค้า อาจจะหันมาร่วมกับ Grab หรือบริษัทอื่น ๆ ไม่ก็ปรับเปลี่ยนการบริการให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสุภาพ การไม่เอารัดเอาเปรียบ การไม่ปฏิเสธลูกค้า รวมถึงความปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่นในการให้บริการที่ดีขึ้น และกลับมาเรียกใช้บริการแท็กซี่เหมือนเดิม

ต่อจากนี้ ความหวาดกลัวของเจ้าของธุรกิจจะทะยานสูงขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงอาชีพอื่น ๆ ที่เทคโนโลยีพร้อมที่จะเข้ามาแทนที่ก็คงต้องนับเวลาถอยหลังไปสู่จุดสิ้นสุด และบางธุรกิจที่ไหวตัวทันก็ได้เริ่มปรับตัวเพื่อรับมือกับกระแส Digital Disruption แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากโดนกลบจนไม่เหลือเศษซากของความดั้งเดิมไว้ให้เห็น การปรับเปลี่ยนตัวเองให้เท่าทันกับยุคสมัยก็คงทำให้เราก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ต้องสูญเสีย

อย่างไรแล้ว ไม่ว่ากระแส Digital Disruption จะสร้างความเจ็บปวดให้กับธุรกิจรูปแบบเก่าขนาดไหน มันก็ยังมีข้อดีให้เราได้เห็น และถ้าเราสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นโอกาสในการสร้างสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้คนได้ ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย

SHARE

RELATED POSTS