ห่างไกลออฟฟิศซินโดรมได้แค่ขยับร่างกาย คลายเรื่องงาน
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) อาการที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ผิดแบบซ้ำ ๆ โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายที่บ้างาน ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าพฤติกรรมการทำงานของตัวเองเรียกว่าขยันหรือบ้างาน มาเช็กลิสต์ 7 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณเป็นผู้ชายบ้างาน กันก่อนเลยครับ เพราะวันนี้เราจะพาชาวออฟฟิศซินโดรมมาปรับความคิดและร่างกาย เพื่อบอกลาอาการออฟฟิศซินโดรม
นั่งทำงานท่าเดิม เสี่ยงออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรม ในที่นี้ แม้คุณไม่ได้เป็นพนักงานออฟฟิศก็สามารถเป็นได้ หากคุณมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมแล้วยังทำซ้ำ ๆ อยู่ เช่น นั่งหน้าจอคอมในท่าเดิมเป็นเวลานาน ไม่ขยับหรือเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ เกินกว่า 6 ชั่วโมง ขึ้นไป พฤติกรรมเหล่านี้จึงส่งผลให้กล้ามเนื้อค้างในท่าเดิม กล้ามเนื้อบางส่วนก็ถูกยึดค้าง ทำให้ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เมื่อปวดเรื้อรังนานเข้าก็จะส่งผลไปถึงร่างกายภายในมากมายทั้งระบบย่อยอาหาร การดูดซึม ระบบฮอร์โมน บางทีอาจลามไปถึงจิตใจด้วยก็ได้ แบบนี้หนุ่มบ้างานทั้งหลายจะต้องฉุกคิดแล้วล่ะว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ปรับพฤติกรรมให้ร่างกายได้ขยับบ้างอาจสร้างเอฟเฟ็กต์ต่อการทำงานได้
บ้างานไม่ช่วยอะไร แถมเสี่ยงออฟฟิศซินโดรม
การทำงานอยู่ตลอดเวลา แถมยังพกโน้ตบุ๊กติดตัวเสมอ ไม่ว่าจะไปพักร้อน ฮันนีมูน ขึ้นเขา ลงทะเล เพื่อเตรียมพร้อมทำงานทุกเมื่อ อาจไม่ดีต่อสุขภาพของคุณสักเท่าไหร่ แถมเสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมอีกต่างหาก คุณจะกังวล กระวนกระวาย กับเรื่องงานมากเกินไป ทำให้เกิดความเครียด กดดัน อันเป็นบ่อเกิดที่อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของคุณด้อยลง การบ้างานจึงทำให้คุณค่าของผลงานที่ออกมามักไม่เป็นตามที่คุณคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ในด้านความสัมพันธ์กับคนรอบตัวยังติดลบอีกด้วย
ถ้ายังนึกไม่ออก ลองย้อนกลับไปดูนะครับว่านัดแฟนไปดินเนอร์แล้วเลื่อนมากี่ครั้งแล้ว ล่าสุดที่ไปเจอเพื่อนก็กี่เดือนมาแล้ว เพราะฉะนั้น คุณควรรู้ไว้ว่ายิ่งบ้างานมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์พวกนี้ก็จะยิ่งพังทลายลงเท่านั้น หากพวกเขาคือคนสำคัญในชีวิตคุณ จงใส่ใจ และหาเวลาว่าง ไม่ใช่ว่างแล้วถึงไปหา มาให้พวกเขาบ้างนะครับ ช่วงแรกอาจจะเข้าใจแต่ถ้านาน ๆ เข้าก็คงไม่มีใครทนไหวหรอกครับ แต่จะดีกว่าไหม…ถ้าเราสามารถจัดสรรเรื่องงานให้ลงตัวได้พร้อมกับการใช้ชีวิตที่คุณรัก ใช่แล้วครับเรากำลังพูดถึง วิธีการเต้นรำไปกับชีวิตและงาน หรือ Work-life flow ซึ่งเราเคยเขียนอธิบายไว้แล้วสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ สูตร (ไม่) ลับ 8:8:8 Work-Life Flow
ขยับร่างกาย คลายเรื่องงาน ห่างออฟฟิศซินโดรม
เมื่อคุณเห็นถึงความสำคัญที่จะผ่อนคลายเรื่องงานลงบ้าง ไม่จำเป็นต้องนั่งหน้าจอคอมในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ ให้เสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมที่ต้องปวดตัว ปวดประสาทแล้ว เราจะมาบอกว่าควรทำอย่างไรให้ห่างไกลออฟฟิศซินโดรม
- วางจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ตรง หรือเหนือกับระดับสายตาเล็กน้อย อยู่ในท่านั่งที่รู้สึกสบาย
- วางจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ห่างจากตัว เท่ากับความยาวของแขน ซึ่งเป็นระยะที่สายตาอ่านได้สบาย
- นั่งทำงานตัวตรงให้หลังชิดขอบด้านในของเก้าอี้
- ปรับพนักพิงหลังให้รับกับหลังส่วนล่าง หรือใช้หมอนหนุนหลัง
- เปลี่ยนอิริยาบถ ทุก 1 ชั่วโมง และ เปลี่ยนท่านั่งทำงาน ทุก 20 นาที
- พักสายตาจากแสงสีฟ้า ทุก 10 นาที
- ท่าบริหาร ออกกำลังกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
– ท่ายืดกล้ามเนื้อหน้าอก : นั่งบนเก้าอี้แล้วประสานมือสองข้างไว้ด้านหลัง ยืดหน้าอกขึ้น หายใจต่อเนื่อง ทำ 2 เซ็ต เซ็ตละ 20-30 วินาที
– ท่ายืดกล้ามเนื้อบริเวณคอ และบ่า : นั่งบนเก้าอี้แล้วใช้มือข้างหนึ่งแตะด้านหลังศีรษะ ค่อย ๆ กดศีรษะลงด้านเดียวกับมือ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งไขว้หลังไว้ โดยใช้สายตามองพื้น ทำค้างไว้ประมาณ 20 วินาที จากนั้นทำสลับอีกข้าง นับ1 เซ็ต ทำ 2-3 เซ็ต
– ท่ากระตุ้นกล้ามเนื้อบริเวณหลังส่วนบน : นั่งบนเก้าอี้ให้หลังตรง เหยียดแขนสองข้างไปด้านหน้า แล้วค่อย ๆ ดึงข้อศอกไปด้านหลัง โดยตั้งหัวไหล่เสมอ ทำ 15-20 ครั้ง
เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าการเป็นผู้ชายบ้างาน ส่งผลให้เสี่ยงเป็นออฟฟิศซินโดรมได้ง่าย ๆ ฉะนั้นแล้ว การป้องกันที่ดีที่สุดก็คงต้องมาจากความคิดของตัวเองก่อนว่าเราจะนั่งท่าเดิมอยู่แบบนี้ไม่ได้ แล้วคุณจะไม่ต้องทำงานหนักจนได้ของแถมที่ดูจะไม่คุ้มเอาซะเลย