บอกต่อสเปกที่ใช่! สำหรับ
เลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไว้ใช้งานในเมือง
การเดินทางด้วยบริการขนส่งสาธารณะในเมือง ทำให้หนุ่มๆ ต้องต่อสู้กับสภาพการจราจรที่แออัดไม่เว้นแต่ละวัน หลายคนจึงพยายามหาทางลัดในการเดินทาง เพื่อหลบเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว และ ‘การใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า’ ก็เป็นหนึ่งวิธีการเดินทางที่ได้รับความสนใจ โดยส่วนใหญ่นิยมใช้สัญจรในระยะสั้น ไปกลับระหว่างบ้านหรือสถานที่ทำงานกับสถานีรถไฟฟ้าและป้ายรถเมล์ แม้วิธีนี้จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยให้ขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าซอกแซกไปตามทางเท้า ในขณะที่รถติดบนถนนสายหลักได้ แต่นั่นเท่ากับว่าคุณต้องพกพาเจ้าสองล้อจิ๋วคันนี้ไปไหนมาไหนด้วยแทบทุกวัน แล้วอย่างนี้จะ ‘เลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า’ แบบไหนดี ให้เข้ากับการเดินทางแบบไลฟ์สไตล์คนเมือง
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากับสเปกที่ใช้งานในเมืองได้จริง
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือ E-Scooter คืออีกหนึ่งยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ปล่อยมลพิษออกสู่ท้องถนน เพราะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จากการชาร์จไฟใส่แบตเตอร์รีที่มีความจุกำลังไฟเฉลี่ย 36-48 โวลต์ (V) เมื่อชาร์จไฟเต็มจะขับเคลื่อนได้ไม่ต่ำกว่า 20 กิโลเมตร โดยสามารถทำความเร็วได้ไม่เกิน 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนขนาดล้อมีเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ราว 5-8.5 นิ้ว
น้ำหนักของสกูตเตอร์ไฟฟ้ามีหลากหลายแล้วแต่รุ่น โดยปัจจุบันมีผู้ผลิตที่ออกแบบมาได้เบาที่สุดในโลกอยู่ที่ 6.1 กิโลกรัม วัสดุที่ใช้ทำบอดี้ส่วนใหญ่ทำจากโลหะน้ำหนักเบา จำพวกคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber) หรืออะลูมิเนียมอัลลอย (Aluminium Alloy) รับน้ำหนักผู้ขับขี่ได้ที่ 90-120 กิโลกรัม (แล้วแต่แบรนด์) จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ยานพาหนะจิ๋วประเภทนี้ใช้งานง่ายคือ สามารถพับแฮนด์เก็บได้ เวลาไม่ใช้งานจะนิยมสอดเก็บหรือวางพิงตามมุมต่างๆ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ และเคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก
เลือกใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแบบที่ใช่!
ให้ตอบโจทย์การเดินทางในเมือง
ความสูงของแฮนด์ต้องอยู่ในระดับที่พอดี
ลองจินตนาการดูว่า คุณต้องยืนทรงตัวอยู่บนสกู๊ตเตอร์นานขนาดไหน หากต้องใช้มันเดินทางวันละ 10 กิโลเมตร หรือประมาณ 5-8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่เจ้ายานพาหนะสองล้อนี้ทำความเร็วได้ประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงควรเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ซับพอร์ตสรีระเราได้ด้วย เทคนิคง่ายๆ เริ่มจากไปทดลองใช้งานจริงที่ร้านก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเลือกคันที่มีระดับความสูงของแฮนด์พอดีกับความสูงของเรา และปรับความสูงขึ้นลงได้หลายระดับ เวลาขับขี่จะได้ไม่ต้องก้มหรือโก่งหลังมากเกินไป ที่สำคัญการไปลองขี่ด้วยตัวเองจริงๆ จะช่วยให้เลือกเจ้าสองล้อคู่ใจได้ง่ายขึ้นด้วย
กำลังไฟฟ้าต้องเหมาะสมกับสภาพถนน
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะกับนำมาใช้งานในเมือง ควรขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 250-500 วัตต์ (W) เพราะกำลังไฟเท่านี้เพียงพอต่อการขี่ขึ้นเนินหรือลูกระนาดตามถนนในเมืองและทางเท้า ซึ่งมีความชันประมาณ 10-15 องศาได้ แต่หากมีงบประมาณมากพอ ขอแนะนำให้ลงทุนกับคันที่มีสเปกสูงขึ้นอีกนิด โดยเลือกที่มีกำลังไฟแรงกว่า 5oo W จะช่วยให้เร่งความเร็วได้ดีขึ้น ขี่ผ่านเนินที่มีความชันได้มากถึง 20-25 องศา แถมยังรับน้ำหนักตัวผู้ขับขี่ได้มากขึ้นตามไปด้วย (อาจมากถึง 140 กิโลกรัมเลยทีเดียว)
น้ำหนักและขนาดของสกู๊ตเตอร์ต้องเหมาะกับการพกพา
น้ำหนักคือสเปกหลักที่ต้องพิจารณาเวลาเลือกซื้อสกู๊ตไฟฟ้า เพราะบ่อยครั้งเราต้องแบกเจ้าสองล้อขึ้นรถลงเรือวันละหลายรอบ บางทีต้องแทรกตัวอยู่ในฝูงชนที่แออัดอยู่บนรถด้วย รวมถึงอาจต้องถือข้ามสะพานลอยด้วย นักเลงสกู๊ตเตอร์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้เล่นตัวที่น้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม เพราะยังถือไปมาได้สะดวกและถือเคลื่อนที่ได้คล่องตัว นอกจากเรื่องน้ำหนักแล้ว ตัวบอดี้ของสกู๊ตเตอร์ยังควรมีขนาดกะทัดรัด ไม่เทอะทะ พับแฮนด์แล้วเหลือเป็นแผ่นบาง จัดเก็บได้สะดวก สามารถสอดไม่ใต้เบาะ วางตรงกลางระหว่างขา หรือวางพิงตามซอกโต๊ะได้ เพื่อไม่ให้เกะกะผู้อื่น
ประเภทของล้อยางต้องเหมาะกับพื้นถนน
ล้อของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้านิยมใช้กันอยู่ 2 ประเภท คือ
ล้อยาง 100 เปอร์เซ็นต์ ทำขึ้นจากยางทั้งหมด มีความทนทาน ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องยางแบน และไม่ต้องบำรุงรักษา แต่ยางประเภทนี้จะขับเคลื่อนได้ไม่ลื่นไหลนักในเวลาเร่งรีบ จึงเหมาะกับขับขี่บนพื้นถนนที่ค่อนข้างเรียบ เช่น เดินทางจากบ้านไปปากซอย หรือใช้ขี่เล่นในหมู่บ้านมากกว่า
ล้อยางแบบเติมลม ล้อประเภทนี้คล้ายล้อมอเตอร์ไซค์หรือล้อจักรยาน ต้องเติมลมและเช็กคุณภาพยางเสมอเพื่อไม่ให้รั่วหรือแบน จุดเด่นคือยางเติมลมจะช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดี ทำให้ผู้ขี่ควบคุมสกู๊ตเตอร์ได้ดี แม้ขี่ผ่านเนินหิน เนินดินที่ขรุขระ จึงเหมาะกับการใช้งานบนท้องถนนจริงมากกว่า
ขนาดของล้อที่เหมาะสม ขี่แล้วต้องลื่นไหล
มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้สกู๊ตเตอร์ควรให้ความสำคัญกับการเลือกขนาดล้อที่เหมาะสมด้วย เพราะช่วยให้ขับขี่ได้ปลอดภัยมากขึ้น สำหรับการใช้งานบนท้องถนนในเมือง ควรเลือกคันที่มาพร้อมล้อขนาด 8 นิ้วขึ้นไป เพราะล้อไซซ์นี้สามารถเคลื่อนผ่านหลุมขนาดเล็ก เนิน ลูกระนาด หรือพื้นต่างระดับที่ไม่สูงนักได้ดี ช่วยให้ยังทรงตัวและควบคุมทิศทางได้อยู่ ส่วนล้อขนาด 5-6 นิ้ว จะเหมาะกับการใช้เดินทางในหมู่บ้าน หรือใช้เดินทางในตึกและอาคารมากกว่า นอกจากขนาดของล้อหลักที่ใช้ขับเคลื่อนสกู๊ตเตอร์แล้ว ยังควรใส่ใจคุณภาพของล้อลากด้วย เพราะบางครั้งเราอาจต้องพกเจ้าสองล้อเข้าไปตามสถานที่ในร่ม เช่น ห้างสรรพสินค้า หรืออาคารสำนักงาน หากล้อลากแข็งแรงจะช่วยให้ลากสกู๊ตเตอร์ไปมาได้สะดวกโดยไม่ต้องถือ คล้ายลากกระเป๋าเดินทาง
ระบบช่วงล่างต้องแข็งแรง
เคยนั่งรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์แล้วตัวกระเด้งกระเทือน เพราะขับขึ้นเนินหรือตกหลุมไหม? ลักษณะนี้เกิดขึ้นตอนขี่สกู๊ตเตอร์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขี่บนถนนบ้านเรา ซึ่งคาดการณ์สภาพความเสื่อมโทรมของพื้นผิวไม่ค่อยได้ จึงจำเป็นต้องมองหาแบรนด์สกู๊ตเตอร์ที่ออกแบบช่วงล่าง หรือ Shock Absorbsion มาอย่างแข็งแรง เพื่อรองรับแรงกระแทกจากน้ำหนักตัวผู้ขับขี่ให้ได้มากที่สุด และช่วยเซฟไม่ให้สกู๊ตเตอร์เสื่อมสภาพเร็ว
พอได้ไอเดียในการเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสักคันแล้วใช่ไหม ขอให้หนุ่มได้เจอของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจเร็วๆ นะ
