PEA Volta-01

เตรียมพร้อม! ข้อควรรู้ก่อนติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน | Advertorial

‘ตู้ขนาดใหญ่มีสัญลักษณ์ไฟฟ้า เสียบปลั๊กตลอดเวลา และรายล้อมไปด้วยรถยนต์’ คือ ลักษณะของ EV Charger ที่เรามักจะเห็นกันบ่อยครั้งตามปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้า หรือโรงแรม … ใช่ครับ! เครื่องนี้เอง คือ แหล่งพลังงานให้กับยานพาหนะแห่งอนาคตอย่าง ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน

แต่เคยสงสัยกันมั้ยครับว่า… ทำไมตู้ EV Charger ที่ว่านี้ต้องอยู่ตามสถานที่สาธารณะ ? แล้วเราสามารถติดตั้งที่บ้านของเราเองได้ไหม ? วันนี้ทาง Thomas Thailand มีคำตอบมาบอกกัน นอกจากนี้แล้วยังมีข้อควรรู้ในการเตรียมบ้านให้เหมาะสมกับการมี EV Charger มาบอกด้วย ไปดูกัน

เมื่อรถยนต์ไฟฟ้า และ EV Charger กำลังสร้างจุดเปลี่ยนของวงการรถยนต์

ตัวอย่างรูปรถ EV

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีเตรียมบ้านสำหรับการติดตั้ง EV Charger นั้น เรามาดูกันหน่อยดีกว่าว่ารถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) มีข้อดีที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง

  • ดีต่อสิ่งแวดล้อม

รถยนต์แบบเดิมจำเป็นต้องใช้น้ำมันในการเผาไหม้เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน แต่รถ EV นั้นไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ เพราะใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่แทน

  • เครื่องเงียบ แต่อัตราเร่งเร็วได้ใจ

รถ EV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ จึงไม่ก่อให้เกิดเสียงภายในตัวเครื่องยนต์ รวมไปถึงสามารถเร่งความเร็วได้แบบที่ใจต้องการเพราะไม่ต้องทดเกียร์อีกต่อไป

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายและค่าซ่อมบำรุง

หนึ่งในปัญหาของคนใช้รถในตอนนี้ก็คือ ‘ราคาน้ำมัน’ ที่ค่อนข้างผันผวน อีกทั้งยังต้องคอยเช็กสภาพเครื่องยนต์ที่พอเสียทีก็ต้องจ่ายเยอะ ซึ่งรถ EV สามารถตัดปัญหาที่ว่านี้ได้หมดเลย แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องราคาน้ำมันอีกด้วย

  • มี EV Charger ที่บ้านได้

จะดีแค่ไหน…ถ้าเราขับรถกลับถึงบ้านหลังจากต้องฝ่าฟันรถติด แบตเตอรี่ที่ชาร์จหรือน้ำมันที่เติมไว้ก็คงใกล้หมดเต็มที ครั้นจะออกไปเติมพลังร่างกายก็พร้อมนอนเต็มที่แล้ว ซึ่งหากเราใช้รถ EV ก็สามารถเสียบชาร์จเองได้ที่บ้านเลย สะดวกมาก ๆ เลยครับ

แต่ก่อนที่เราจะติดตั้ง EV Charger สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน ควรเตรียมเรื่องไฟฟ้าและพื้นที่ในบ้านให้พร้อมด้วย ตามไปดูกันต่อได้เลยครับ

ก่อนติดตั้ง EV Charger ที่บ้านต้องเตรียมอะไรบ้าง

เตรียมติดตั้ง EV Charger

การติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน เราต้องคำนึงถึง 5 สิ่งนี้ด้วยกัน หากละเลยไปอาจทำให้ระบบไฟฟ้าในบ้านของคุณมีปัญหาหรือเกิดอันตรายขึ้นมาได้เลยนะครับ

  1. ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า สำคัญกับการติดตั้ง EV Charger

โดยทั่วไปมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านพักอาศัยจะเป็นแบบ 15(45) 1 เฟส(1P) หมายถึงมิเตอร์ขนาด 15 แอมป์ (A) ที่มีขนาดการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 11-30 แอมแปร์ ซึ่งสามารถใช้ได้ถึง 45 แอมป์ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่สำหรับการใช้ชาร์จรถไฟฟ้านั้นมิเตอร์แบบ 15(45) ยังถือว่าไม่เหมาะในการชาร์จ เพราะการชาร์จรถโดย EV Charger 1 ครั้ง ใช้เวลานาน ทางการไฟฟ้าเองจึงได้แนะนำให้เปลี่ยนเป็น 30(100) 1 เฟสแทน เพื่อป้องกันการใช้ไฟที่มากเกินไปนั่นเอง

  1. ตรวจสอบสายเมน และลูกเซอร์กิต (MCB) ก่อนติดตั้ง EV Charger

เปลี่ยนสายเมนให้เป็น 25 ตร.มม. เพราะเดิมทีสายเมนจะมีขนาด 16 ตร.มม. ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายระหว่างใช้ EV Charger ได้ พร้อมทั้งเปลี่ยนลูกเซอร์กิต (MCB) ที่เป็นอุปกรณ์ป้องกันร่วมกับตู้ MDB ด้วย ควรใช้แบบ 100(A) จะทำให้วงจรทำงานได้สอดคล้องกัน

  1. จะติดตั้ง EV Charger ต้องเช็กตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB) ด้วย

เช็กดูว่าในตู้ควบคุมไฟฟ้าของเรามีช่องว่างเหลืออยู่ไหม เพื่อที่จะสามารถติดตั้ง Circuit Breaker (สวิตช์ไฟฟ้าอัตไโนมัติสำหรับป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร) เพิ่มเข้าไป เพราะการใช้ EV Charger นั้นจำเป็นต้องมีแยกส่วนตัวออกมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ หากตู้ไม่มีที่ว่าง ก็ต้องเพิ่มตู้ควบคุมย่อยอีก 1 จุด

  1. EV Charger จำเป็นต้องมีเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD)

เครื่องนี้มีเอาไว้สำหรับตัดวงจร เนื่องจากค่ากระแสไฟฟ้าไหลเข้า-ออกไม่เท่ากัน จึงอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือเพลิงไหม้ได้ ควรมีไว้เพื่อความปลอดภัย กรณีที่เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีระบบตัดไฟภายในตัวอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่ม

  1. เต้ารับ (EV Socket) สำหรับ EV Charger

รถ EV แต่ละรุ่นจะมีรูปทรงปลั๊กแตกต่างกันไป ซึ่งอาจต้องดูที่เหมาะสมกับ EV Charger แต่ที่แน่นอนคือจะต้องทนการใช้ไฟฟ้าต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 16(A) และเป็นชนิด 3 รูที่มีสายต่อหลักดินอยู่ด้วย

เคลียร์พื้นที่ให้พร้อม ก่อนใช้งาน EV Charger

เครื่อง EV Charger

หลังจากที่จัดเตรียมหรือทำการเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในบ้านเรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้บ้านพร้อมชาร์จรถ EV ก็คือการเลือกพื้นที่ในบ้านสำหรับติดตั้ง EV Charger นั่นเอง โดยมีข้อควรรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้

  • หลัก 5 เมตร

สายของ EV Charger นั้นมีความยาวอยู่ที่ 5-7 เมตร ฉะนั้นเราไม่ควรติดตั้ง EV Charger ให้ห่างจากจุดที่จอดชาร์จรถเกิน 5 เมตรนั่นเอง

  • ตู้ควบคุมไฟฟ้า

EV Charger ควรตั้งอยู่ใกล้กับตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB) จะช่วยให้เราไม่ต้องเดินสายไฟเพิ่ม ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

  • หลังคา

พยายามวาง EV Charger ให้อยู่ใต้หลังคา หรือภายในร่ม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ EV Charger โดนแดด หรือละอองฝน ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้นานขึ้น

ชาร์จรถผ่าน EV Charger ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

  1. EV Charger แบบธรรมดา (Normal Charge)

เป็นการชาร์จกับตัวเต้ารับโดยตรงด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ข้อดีของการชาร์จแบบนี้คือจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ เพราะใช้กำลังไฟน้อย แต่แลกมากับระยะเวลาในการชาร์จที่ค่อนข้างนานอยู่ที่ประมาณ 12-16 ชม. แต่เราสามารถย่นเวลาในการชาร์จด้วย EV Charger ที่เป็นตู้ติดผนังได้ ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าชาร์จกับเต้ารับโดยตรงเหลือประมาณ 6-8 ชั่วโมง

  1. EV Charger แบบเร็ว (Fast Charge)

เป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ซึ่งสามารถชาร์จจาก 0% – 80% ได้ภายใน 30-60 นาทีเท่านั้น แน่นอนว่าข้อดีของการชาร์จแบบนี้คือช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จให้กับเรา แต่เพราะกำลังไฟอัดประจุสูง การที่เราชาร์จด้วยวิธีนี้บ่อย ๆ จะทำให้แบตเตอรี่ร้อน และเสื่อมเร็วขึ้น

หากที่บ้านไม่พร้อมติดตั้ง EV Charger ทำอย่างไรดี?

สำหรับใครที่มองว่าการเปลี่ยนระบบไฟฟ้าต่าง ๆ นั้นยุ่งยากเกินไป สถานที่ไม่เอื้ออำนวย หรือคนที่เดินทางไกลแล้วต้องการหาสถานี EV Charger เพื่อชาร์จรถ ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ก็ได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้รถ EV แล้ว ด้วยการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่เรียกว่า PEA Volta

ความดีงามของ PEA Volta

ช่วงเวลาการใช้ไฟสำหรับ EV Charger

สำหรับ PEA Volta นั้นนับได้ว่าเป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่มีราคาย่อมเยา โดยราคา EV Charger นั้นคิดคำนวณจากช่วงเวลาอัตราการใช้งานไฟฟ้า (Time of Use: TOU) ซึ่งแบ่งออกเป็นสองช่วงนั่นคือ Peak และ Off-Peak โดยช่วง Peak จะอยู่ที่ราคา 7.9778 บาท/หน่วย ส่วน Off-Peak อยู่ที่ 4.5952 บาท/หน่วย ทั้งหมดนี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว นับเป็นราคาที่ถูกมาก ๆ เลย (ข้อมูลวันที่ 27 ตุลาคม 2565)

ใครที่อยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ PEA Volta มากกว่านี้ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่เว็บไซต์ safesavethai ของ PEA ได้เลย

EV Charger ที่ PEA Volta

สถานีอัดประจุมีที่ไหนบ้าง?

ปัจจุบัน PEA Volta ติดตั้ง EV Charger แล้ว 73 แห่ง ครอบคลุม 42 จังหวัด และกำลังจะเพิ่มให้เป็น 263 แห่ง 75 จังหวัด ภายในปี 2566 (ข้อมูลวันที่ 27 ตุลาคม 2565) โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่าง PEA และปั๊มบางจาก

หากใครอยากไปชาร์จที่ PEA Volta ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน PEA Volta เพื่อดูสถานีใกล้บ้านได้เลย รับรองว่าประหยัด ปลอดภัย และสะดวกสบายแน่นอน สามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ PEA Volta ได้ที่ https://www.facebook.com/peavolta

SHARE

RELATED POSTS

รวมรถคลาสสิกระดับตำนานที่คนรักรถต้องรู้จักและอยากเป็นเจ้าของ รถคลาสสิกเป็นรถยนต์ที่ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ เพราะสำหรับคนรักรถแล้วมันเป็นยิ่งกว่านั้น! โดยเฉพาะคนที่คลั่งไคล้…