ส่องฟังก์ชันเด็ด! iPhone 15 คุ้มค่าจริงหรือควรปล่อยผ่าน?
หลังจากการเปิดตัว ‘iPhone 15’ อย่างยิ่งใหญ่ ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาให้กับสาวก Apple ด้วยวัสดุตัวเครื่องแบบใหม่ ‘ไทเทเนียมเกรดยานอวกาศ’ ทำให้น้ำหนักเบาลง มีความทนทาน และเพิ่มความสวยงามแปลกตา โดดเด่นจากรุ่นก่อนหน้าจนเรียกว่าเป็นเวอร์ชันอัปเกรดของซีรีส์ iPhone เลยทีเดียว แต่…แค่ดีไซน์แบบใหม่จะเพียงพอไหมกับการจ่ายเงินซื้อ? ตามมาดูฟังก์ชันเด็ดของ iPhone 15 เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า…รุ่นนี้เราควรคว้าไว้หรือปล่อยผ่านไปก่อนจะดีกว่า
iPhone 15 เดิมพันก้าวใหม่ของ Apple
เมื่อโทรศัพท์ Android เข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น ผู้พัฒนา Apple จึงพยายามที่จะใส่ลูกเล่นให้ iPhone 15 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้จูงใจสาวก Apple ให้ได้ โดยสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือ ‘ดีไซน์’ และ ‘ฟังก์ชัน’ ที่มีความแตกต่างกับรุ่นก่อน รวมถึงขนาดเครื่องที่บางเบาลง พร้อมหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว (iPhone 15, Pro) และขนาด 6.7 นิ้ว (iPhone 15 Plus, Pro Max) ช่วยเพิ่มความคมชัดและสมจริงของภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์ตัวเด็ดที่บรรดาเกมเมอร์ทั่วโลกจับตามอง นั่นคือ ‘การพอร์ตเกมระดับ AAA มาเล่นบนโทรศัพท์เป็นครั้งแรก’ โดยเกมที่ประกาศออกมาล้วนเป็นเกมดังที่ถูกพัฒนาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ คุณภาพกราฟิกที่เหนือชั้น อาทิ Resident Evil 4, Resident Evil Village, Death Stranding และ Assassin’s Creed Mirage เป็นเกมที่ได้รับความนิยมในวงการเกมเมอร์ทั้งสิ้น ส่งผลให้เทคโนโลยีใหม่ที่ถ่ายทอดเกมระดับสูงลงบนโทรศัพท์มือถือได้อย่าง ‘ชิป A17 Pro’ ได้รับการพูดถึงในวงกว้าง
ฟังก์ชันและลูกเล่นใหม่ของ iPhone 15
- ชิป A17 Pro
นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนตัวเครื่อง iPhone 15 Pro และ Pro Max โดยมีการออกแบบให้ CPU ทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุด 10% พร้อมรองรับระบบ Ray Tracing ซึ่งเป็นการแสดงผลหน้าจออย่างสมจริงที่สุด ทำให้เล่นเกมกราฟิกคุณภาพสูงได้อย่างลื่นไหล สามารถสัมผัสประสบการณ์แบบเดียวกับใน PC หรือ Console ได้ในหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว กับ iPhone 15
- สายชาร์จ USB-C
หลังจากที่สหภาพยุโรป (EU) ลงมติให้สายชาร์จ USB-C เป็นพอร์ตชาร์จทั่วไปของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ Apple จึงต้องเปลี่ยนสายชาร์จจากหัว Lightning ที่เป็นหัวเฉพาะของแบรนด์มาเป็น USB-C เหมือนแบรนด์อื่น แต่จะเปลี่ยนมาใช้สายธรรมดาคงไม่ได้ เพราะ Apple ได้สร้างความแตกต่างด้วยการใช้สาย USB-C แบบ 3.0 ซึ่งจะมีการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วกว่าโทรศัพท์ทั่วไปที่ใช้สาย USB-C แบบ 2.0 ส่งผลให้ iPhone 15 สามารถรับส่งสัญญาณได้ดีกว่า รวมถึงการเปลี่ยนสายครั้งนี้ ยังแก้ปัญหาหนักใจที่ต้องซื้อหัวชาร์จมาพอร์ตกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ของสาวก Apple ได้ด้วย เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเงินและเวลาชีวิตเลยทีเดียว
- กล้องถ่ายภาพ
ฟังก์ชันการถ่ายภาพของ iPhone 15 เป็นอีกสิ่งที่เรียกได้ว่ายกระดับแบบก้าวกระโดด โดยกล้องหลักถูกอัปเกรดให้เป็น 48MP พร้อมระบบซูมออปติคัล 2x ทำให้ภาพที่ได้จะคมชัดและละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมเลนส์ยอดนิยม 3 ระยะ คือ 24 mm. 28 mm. และ 35 mm. ซึ่งสามารถซูมออปติคัลเพิ่มขึ้นได้ที่ 3x และ 5x พร้อมส่งออก ProRaw (ไฟล์ Raw ขนาดใหญ่) ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple ได้ทันที
- ปุ่ม Action
บอกลาปุ่มปิดเสียงด้านข้างไปได้เลย เพราะ Apple ได้แทนที่ด้วยปุ่ม Action ใน iPhone 15 แล้ว โดยปุ่มนี้สามารถควบคุมได้อย่างครอบคลุม อาทิ เปิด-ปิดกล้อง, เปิดแอปพลิเคชันแปลภาษา, เปิดใช้แอปพลิเคชันบันทึกเสียง, การใช้คำสั่งลัดไปยังตัวเลือกอื่น ๆ และเชื่อมต่อกับ Dynamic Island ฟีเจอร์ Interactive ที่ทำให้ชีวิตผู้ใช้งาน iPhone ง่ายขึ้น
Dynamic Island รองรับอะไรบ้าง?
Dynamic Island คือฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 16 ซึ่งจะทำให้การใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ ง่ายขึ้น โดยมีการใช้งานที่ครอบคลุมดังนี้
- การแจ้งเตือน
– แสดงการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของ Apple
– แสดงการสแกนหน้าด้วย Face ID
– แสดงสถานะการชาร์จแบตเตอรี่
– แสดงการรับและส่งไฟล์ผ่าน AirDrop
– แสดงไอคอนการเปิดและปิดเสียง - การทำกิจกรรม
– แสดงระยะเวลาในการ Facetime และบันทึกเสียง
– แสดงระยะเวลาของการจับเวลา
– แสดงเส้นทางจาก Google Maps
– แสดงผลการบันทึกหน้าจอ
– แสดงแอปพลิเคชันที่กำลังใช้งาน
iPhone 15 ควรค่าแก่การลงทุนหรือไม่ ?
ราคาค่าตัวของ iPhone 15
iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max เปิดตัวด้วยวัสดุไทเทเนียมสีดำ, ขาว, น้ำเงิน และไทเทเนียมธรรมชาติ ซึ่งมีความเรียบหรู พร้อมสเปกจัดเต็ม เอาใจคอเกมเมอร์และสายถ่ายภาพ ซึ่งราคาก็แรงไม่แพ้กัน
- iPhone 15 Pro เริ่มต้นที่ 41,900 บาท
- iPhone 15 Max จะอยู่ที่ 48,900 บาท มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้สูงสุดที่ 1TB
ถ้าใครชอบสีสันสดใส iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Plus ก็มีโทนสีพาสเทลออกมาด้วย มีทั้งหมด 5 สีคือ ชมพู, เหลือง, เขียว, ฟ้า และดำ ส่วนตัวเครื่องจะเป็นอะลูมิเนียม ราคาจะอยู่ที่ 32,900 บาท และ 37,900 บาทตามลำดับ มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้สูงสุดที่ 512GB
เปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่าง iPhone 15, iPhone 15 Plus,
iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max
iPhone 15
– หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว
– มีสีสันสวยงาม
– ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียม
– ทำงานด้วยชิป A16 Bionic (ชนิดเดียวกับ iPhone 14 Pro Max)
– รองรับ Dynamic Island
– ความจุ 128GB/256GB/512GB
– พอร์ต USB-C
– ระบบปฏิบัติการ iOS 17
– แบตเตอรี่การเล่นวิดีโอสูงสุด 20 ชม.
– ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท
iPhone 15 Plus
– หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว
– มีสีสันสวยงาม
– ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียม
– ทำงานด้วยชิป A16 Bionic (ชนิดเดียวกับ iPhone 14 Pro Max)
– รองรับ Dynamic Island
– ความจุ 128GB/256GB/512GB
– พอร์ต USB-C
– ระบบปฏิบัติการ iOS 17
– แบตเตอรี่การเล่นวิดีโอสูงสุด 26 ชม.
– ราคาเริ่มต้น 37,900 บาท
iPhone 15 Pro
– หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว
– ตัวเครื่องทำจากไทเทเนียม
– ทำงานด้วยชิป A17 Pro
– ปุ่ม Action
– รองรับ Dynamic Island
– ความจุ 128GB/256GB/512GB/1TB
– พอร์ต USB-C
– ระบบปฏิบัติการ iOS 17
– แบตเตอรี่การเล่นวิดีโอสูงสุด 23 ชม.
– ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท
iPhone 15 Pro Max
– หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว
– ตัวเครื่องทำจากไทเทเนียม
– ทำงานด้วยชิป A17 Pro
– ปุ่ม Action
– รองรับ Dynamic Island
– ความจุ 256GB/512GB/1TB
– พอร์ต USB-C
– ระบบปฏิบัติการ iOS 17
– แบตเตอรี่การเล่นวิดีโอสูงสุด 29 ชม.
– ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท
สรุปแล้ว หากพูดถึงความคุ้มค่า iPhone 15 อาจไม่ได้มีอะไรอัปเกรดฟังก์ชันจนแตกต่างจาก iPhone 14 Pro Max มากนัก นอกจากการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้น และการใช้วัสดุเกรดเดียวกับยานอวกาศ และการใช้ชิป A17 Pro สำหรับประมวลผลกราฟิกอย่างเหนือชั้น แต่ว่าฟีเจอร์และฟังก์ชันปุ่ม Action ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ กลับทำให้ iPhone 15 เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่น่าจับจอง สำหรับใครที่อยากจะสัมผัสความแตกต่างและประสบการณ์ใหม่ในการใช้สมาร์ตโฟน ถือว่า iPhone 15 ก็เป็นไอเทมที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว