แพงแต่ทำไมฮิต? เปิดเหตุผลที่น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ ราคาสูงแต่ยอมจ่าย
กระแสเมนูเครื่องยอดฮิต ณ ช่วงนี้ คงหนีไม่พ้น ‘น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ’ หรือสมูตตี้ โดยเฉพาะน้ำปั่นสีฟ้า (หรือเป็นที่ไวรัลไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่าคือ น้ำปั่นแม่ชม) โดยต้นฉบับคือแบรนด์ เอเรวอน (Erewhon) ที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่แก้วละ 700 ไปจนถึง 800 บาทเลยทีเดียว วันนี้ Thomas ชวนมาเปิดเหตุผลว่าทำไมคนถึงยอมจ่ายให้น้ำปั่นสูงขนาดนี้ พร้อมแนะนำร้านน้ำปั่นเพื่อสุขภาพของบ้านเรา
น้ำปั่นเพื่อสุขภาพ เทรนด์แห่งไลฟ์สไตล์
น้ำปั่นเพื่อสุขภาพกลายเป็นมากกว่าเครื่องดื่มธรรมดา แต่สะท้อนถึงการดูแลตัวเองที่ใส่ใจ ทั้งเรื่องโภชนาการและภาพลักษณ์ การใช้น้ำปั่นจากวัตถุดิบคุณภาพ เช่น ออร์แกนิก ซูเปอร์ฟู้ด ไปจนถึงเสริมด้วยการตลาดแนวพรีเมียม ทำให้ผู้บริโภคพร้อมจ่ายเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่หรูหรา
ตัวอย่าง ร้าน Erewhon ซูเปอร์มาร์เก็ตอาหารออร์แกนิกในสหรัฐฯ ซึ่งโด่งดังและสร้างภาพจำจากน้ำปั่นราคาสูงถึงแก้วละ $22 แพงกว่าท้องตลาดหลายเท่า สร้างเป็นความพิเศษ น่าสนใจด้วยเมนูสุดครีเอต ทำให้สามารถดึงดูดใจกลุ่มชนชั้นกลางได้ไม่แพ้กลุ่มคนรวยเลย เมนูยอดฮิตเลยก็คือ Coconut Cloud Smoothie สมูตตี้โทนสีฟ้าตัดสีน้ำเงินและสีขาวแยกชั้นกันสวยงาม ขึ้นแท่นหนึ่งในเมนูสมูตตี้ที่ขายดีที่สุด
ในประเทศไทยเองก็มีร้าน Plantiful ร้านอาหารออร์แกนิกเพื่อสุขภาพ ที่ตั้งสาขาแรกอยู่ที่สุขุมวิท 61 มีคอนเซปต์ร้านเป็น ‘Eat Right. Eat with Purpose’ ส่วนมากอาหารจะเป็นสไตล์ Plant-based ทำจากวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และที่พลาดไม่ได้ก็คือ เมนูสมูตตี้ที่มีราคาค่าตัวในหลักร้อยต้น ๆ ประมาณ 195 บาทต่อแก้ว ซึ่งร้านนี้นี่เองที่ได้ฉายา ‘Erewhon เมืองไทย’ เป็นร้านแรก!
และล่าสุด อย่างร้าน Oh! Juice เจ้าของเดียวกับร้านโอ้กะจู๋ ที่เปิดประเดิมสาขาแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ร้านสมูตตี้ที่ขายดิบขายดี ได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาดจนขยายสาขาได้อีกหลายที่เลยทีเดียว แต่ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เมนูน้ำปั่นเพื่อสุขภาพราคาแพง ยังมีเมนูน้ำปั่นเพื่อสุขภาพแบบคลาสสิกอื่น ๆ ราคาเริ่มต้น 85 บาทอีกด้วยเช่นกัน เพียงแต่เมนูที่เป็นที่รู้จักและดึงดูดความสนใจจะเป็นเมนูซิกเนเจอร์ชื่อ Ocean N Earth จนกลายเป็นภาพจำของแบรนด์ไปเลย
เหตุผลที่น้ำปั่นเพื่อสุขภาพมีราคาสูง
1. น้ำปั่นเพื่อสุขภาพกับวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม
น้ำปั่นเพื่อสุขภาพมักใช้วัตถุดิบสดใหม่ เช่น ผักผลไม้ออร์แกนิก ธัญพืช และสมุนไพร เช่นเดียวกับซูเปอร์ฟู้ดอย่างสาหร่ายสไปรูลินา หรือแมคคาเดเมีย ซึ่งมีราคาสูงและให้ประโยชน์สูง
2. ต้นทุนการผลิตและนวัตกรรม
หลาย ๆ ร้านน้ำปั่นเพื่อสุขภาพจะมีการผลิตน้ำปั่นด้วยวิธี Cold Pressed ช่วยรักษาสารอาหาร แต่ก็มีต้นทุนอุปกรณ์สูง รวมถึงการพัฒนาเมนูเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์สุขภาพ
3. การตลาดแบบพรีเมียม
น้ำปั่นเพื่อสุขภาพไม่ได้เน้นเพียงรสชาติที่อร่อยเท่านั้น แต่ยังใช้การตลาดที่สร้างแรงบันดาลใจและความรู้สึกให้อยากมีส่วนร่วมกับสินค้าที่มีความไฮเอนด์-ลักชัวรี เพียงขอแค่ให้ได้ลองสัมผัสประสบการณ์สักครั้ง ทำให้ผู้บริโภคยอมจ่ายราคาสูงเพื่อให้ได้ลิ้มลอง ซึ่งแท้จริงแล้วเราไม่ได้ซื้อเครื่องดื่มน้ำปั่นเพื่อสุขภาพ แต่เป็นการซื้อความแปลกใหม่และสร้างประสบการณ์ให้กับตัวเองในการเป็น ‘Trend Setter’ ให้เราเป็นคนที่ได้ลองอะไรใหม่ ๆ ยอมจ่ายเพื่อให้ได้ลองก่อนใครอื่น
แนวโน้มตลาดน้ำปั่นเพื่อสุขภาพราคาสูง
ตลาดน้ำปั่นเพื่อสุขภาพระดับพรีเมียมสามารถมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ จากความสนใจของกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ยอมจ่ายเพื่อติดแกลม แต่ในอนาคตผู้ประกอบการอาจต้องมองหากลยุทธ์ที่เชื่อมโยงการบริโภคกับการดูแลโลกอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เช่น การเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล นอกจากนี้การแข่งขันในตลาดจะมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่า เช่น การปรับปรุงสูตรให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะบุคคล (personalization) และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ลูกค้า เช่น การออกแบบเมนูสมูตตี้ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อตอบโจทย์โภชนาการเฉพาะบุคคล และที่สำคัญ แบรนด์ยังคงต้องสื่อถึงความพรีเมียม ไฮเอนด์ ให้เป็นคุณค่าทางจิตใจจะยังคงครองใจผู้บริโภคยุคใหม่ได้ต่อไป
แม้น้ำปั่นเพื่อสุขภาพจะราคาสูง แต่ผู้บริโภคยุคใหม่ก็พร้อมยินดีจ่าย เพราะมองว่าเป็นการลงทุนด้านสุขภาพและภาพลักษณ์ ทำให้น้ำปั่นเหล่านี้กลายเป็นมากกว่าเครื่องดื่ม แต่คือสัญลักษณ์ของคนที่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง