ไขความลับ ‘วิธีดูรถมือสอง’
เช็กยังไงให้ได้ของดี ไม่ถูกตีเนียน
การใช้รถมือสองไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะบางคนก็หลงใหลในความคลาสสิกของมัน แต่ก่อนตัดสินใจซื้อเราก็คงอยากรู้ว่าต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง Thomas เลยมีวิธีดูรถมือสองมาให้ทุกคนครับ เพราะเชื่อว่าไม่มีใครอยากได้ของไม่ดีหรืออยากโดนย้อมแมวขายแน่นอน ส่วนใครที่ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องรถเลยคุณไม่ต้องซีเรียสนะครับว่าจะเช็กไม่ละเอียด ถึงเวลาจริงอาจจะจ้างช่างไปช่วยดูให้ก็ได้ แต่รู้ไว้คร่าว ๆ แล้วมาช่วยกันเช็กก็ไม่เสียหายอะไรนะครับ เอาหละ เรามาเริ่มที่ข้อแรก
1. เล่มทะเบียน
การดูรถมือสองเราจำเป็นต้องดูเล่มทะเบียนเพื่อเช็กประวัติของรถว่าไปมายังไง ผ่านสมรภูมิอะไรมาบ้าง สิ่งที่ต้องดูหลัก ๆ เลยคือ
- วัน/เดือน/ปี ที่จดทะเบียนตรงกับเลขเครื่องยนต์ (เลขตัวถัง) หรือไม่ ถ้าไม่ตรงแต่มีการบันทึกการเปลี่ยนแปลงไว้ก็หายห่วงครับ แต่ถ้าไม่มีการบันทึกเป็นไปได้ว่าอาจโดนสวมเล่ม
- ผู้ถือกรรมสิทธิ์คือใคร เช็กด้วยว่าเปลี่ยนมือมากี่คน แล้วเจ้าของรถคนล่าสุดที่ขายให้ชื่อตรงกับบัตรประชาชนหรือเปล่า (อย่ามองข้ามนะครับ จะได้แน่ใจว่าไม่ถูกสวมรอยจากคนอื่น)
- รายการภาษี ให้ดูความต่อเนื่องการเสียภาษี เสียทุกปีหรือไม่ อย่าลืมสังเกตระยะบรรทัดกับสีหมึกด้วยนะครับ ต้องไม่เท่ากันเป๊ะ ๆ เพราะถ้าเท่ากันเป๊ะอาจเป็นเล่มที่ปลอมแปลงมา
- รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ ตรงนี้แหละครับที่เราจะรู้ว่ารถมีประวัติยังไง มีการโอนหรือปรับเปลี่ยนอะไรไปบ้าง และถ้ามีการประทับตรา “ออกแทนเล่มสูญหาย” ซึ่งประวัติเดิมไม่ครบ ให้เอะใจไว้ก่อนได้เลยว่าอาจปลอม!!
2. สภาพภายนอกรถ
การเช็กสภาพภายนอกรถมือสอง บอกไว้ก่อนเลยนะครับว่า “ตาดีได้ ตาร้ายเสีย” อย่าหลงแต่ความสวยงามเพียงภายนอก เพราะมันตกแต่งให้เหมือนของใหม่ง่าย อาจจะหลอกตาเราก็ได้
- สีและร่องรอยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยบุบ รอยผุ หรือรอยพ่นสี ถ้าเป็นรถรุ่นที่ยังไม่เก่ามากไม่ควรจะมีร่องรอยพวกนี้ เว้นเสียแต่ไปชนมาแล้วต้องซ่อม ดังนั้น ให้สังเกตความสม่ำเสมอของสีนะครับว่าส่วนไหนใหม่เกินไปหรือผิดเพี้ยนต่างจากจุดอื่น แต่ถ้าเป็นรถคลาสสิกสมัยคุณปู่รุ่นเก่ากึ้กก็อาจจะมีการทำสีใหม่มาบ้าง ดูที่ความละเอียดในการพ่นแล้วรอเช็กเครื่องยนต์ข้างในดีกว่าครับ
- ระบบไฟ ส่องสว่างไหม ไฟสูง ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน ใช้ได้หรือเปล่า
3. สภาพภายในรถ
- เลขไมล์ ของรถมือสองโดยเฉลี่ยแล้วอายุการใช้งานรถ 1 ปี เลขไมล์จะอยู่ที่ 20,000-30,000 กม. ถ้ารถใช้งานมาแล้ว 5 – 6 ปี แต่วิ่งไปไม่ถึง 50,000 ก็อาจไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร เพราะสมัยนี้มีการกรอเลขไมล์เพื่อขายรถมือสองเยอะมาก ลองเช็กกับปีรถและสภาพรถดี ๆ ว่า Make Sense ไหม
- ระบบทำความเย็น แอร์ต้องไม่มีกลิ่นเหม็น ให้ลองเปิดเบอร์แรงสุดว่ายังทำความเย็นได้ดีอยู่ไหม
- กลิ่น ถ้ามีกลิ่นอับชื้นหรือเชื้อราบริเวณพื้นพรมในรถ เป็นไปได้ว่ารถเคยลุยน้ำท่วมมา
- แผงคอนโซล, เครื่องเสียง, พวงมาลัย วิธีดูรถมือสองที่สำคัญทั้ง 3 อย่างนี้ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์และทำงานได้ดี พวงมาลัยหมุนแล้วต้องไม่ฝืดหรือค้าง เพราะอาจเกิดอันตรายได้
- เบาะ, กระจก, ขอบยางประตู ต้องไม่มีรอยฉีกขาด แตกร้าว หรือว่ายางเปื่อย
- ระบบเซนทรัลล็อก (ถ้ามี) ล็อกได้ครบทุกประตูหรือไม่ *คนที่มีลูกหลานต้องซีเรียสการดูเรื่องนี้นะครับ
4. ห้องเครื่องยนต์
ข้อนี้เป็นข้อสำคัญของการดูรถมือสองเลยหละครับ วิธีเช็กว่าเครื่องยนต์โอเคคือสตาร์ตเครื่องแล้วต้องไม่มีเสียงผิดปกติหรือมีอาการสั่นกระตุก รวมถึงต้องไม่มีร่องรอยคราบน้ำมันรั่วซึมออกมาด้วย แนะนำว่าให้สตาร์ตตอนเครื่องเย็นนะครับ จะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเครื่องติดยากไหม ถ้ายากอาจมีปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรีหรือไดสตาร์ต อีกจุดหนึ่งที่ต้องสังเกตคือควันไอเสีย ถ้ามีควันดำหรือควันขาวจำนวนมากออกมาตอนที่สตาร์ตติดแสดงว่าเครื่องยนต์ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไรครับ
ป.ล. บางที่มีการเตรียมสตาร์ตเครื่องให้ร้อนไว้ก่อน เพื่อที่เราเข้าไปดูจะได้สตาร์ตติดง่าย ๆ
ดูสิ่งที่ต้องเช็กต่อไป ตรงนี้จะบอกเราว่าเจ้าของรถดูแลเอาใจใส่มากแค่ไหน เปิดฝากระโปรงรถเลยครับ
- หม้อน้ำ ต้องไม่เป็นสนิมหรือมีรอยรั่ว
- สายพาน ต้องไม่หย่อนและฉีกขาด
- ขั้วแบตเตอรี ต้องไม่มีขี้เกลือเกาะ
- กลิ่นห้องเครื่อง ต้องไม่เหม็นกลิ่นไหม้ ถ้ามีเตรียมบายได้เลยครับ
- ระดับของเหลวห้ามต่ำ! ควรอยู่ในระดับที่พอดี มีสีใสปกติ ไม่ดำ ของเหลวที่ต้องเช็กมีตามนี้นะครับ ใช้ก้านวัดวัดได้เลย (ดับเครื่องก่อนวัดนะครับ)
– น้ำมันเครื่อง
– น้ำมันเกียร์
– น้ำมันเบรก
– น้ำมันคลัตช์
– น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ [รถรุ่นใหม่อาจไม่มีเพราะใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแทน]
– น้ำในหม้อน้ำ
– น้ำกลั่นแบตเตอรี
– น้ำฉีดกระจก
5. ช่วงล่าง
วิธีดูรถมือสองอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ คือการเช็กช่วงล่างควรจอดรถที่พื้นสม่ำเสมอ เพื่อดูว่ารถเอียงหรือไม่ ถ้าเอียงหรือลองขับแล้วได้ยินเสียงแปลก ๆ แสดงว่าช่วงล่างไม่แน่น
- ล้อยางทั้ง 4 ล้อ เหมือนกันหรือไม่ ซ้ายขวาต้องเท่ากัน ถ้าไม่เท่าอาจจะต้องไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ หรือบางคันอาจจะเสียศูนย์ไปเลยถาวร เนื่องจากอุบัติเหตุที่รุนแรง อีกอย่างอย่าลืมดูว่าดอกยางยังสภาพดีไหม อาจจะดูจากปีที่ผลิตยางก็ได้ว่าถึงเวลาเปลี่ยนหรือยัง
- ล้อแม็ก ไม่บุบหรือบิดเบี้ยว น็อตต้องแข็งแรงดี ขันแล้วไม่หลวม
- ท่อไอเสีย ต้องไม่ผุกร่อนหรือมีน้ำมันรั่วซึม
- การคืนตัวของโช้ก ให้ลองใช้มือกดรถยนต์มุมใดมุมหนึ่ง ถ้ามีอาการกระเด้งอยู่หลายครั้ง โช้กอาจมีปัญหา แต่ถ้าไม่มีความผิดปกติใด ๆ รถจะมีการคืนตัวที่ค่อนข้างไวกว่าอย่างชัดเจน ถ้ามีโอกาสได้ทดลองขับรถมือสองให้ลองสังเกตจากการออกตัวและเบรกในความเร็วปกติ ถ้าส่วนหน้าและส่วนท้ายของรถจะไม่มีการเชิดขึ้นหรือโยกโคลงเคลงแสดงว่าโช้กปกติ และถ้าขึ้นลงลูกระนาดแล้วไม่นิ่มนวล สั่นสะเทือนแรง โช้กอาจจะไม่ดี
6. ทดลองขับ
การทดลองขับเป็นเรื่องที่ควรทำก่อนตัดสินใจซื้อ มันจะบ่งบอกความรู้สึกของคุณได้ดีที่สุดว่าคุณชอบหรือไม่ชอบรถคันนี้ วิธีดูรถมือสองวิธีนี้ห้ามข้ามเด็ดขาด และระหว่างขับอย่าลืมเช็กเบรกนะครับว่าทำงานดีไหม พวงมาลัยเลี้ยวแล้วต้องไม่ติดขัด เข้าเกียร์แล้วไม่กระตุก ยางเกาะถนนดี ไม่ลื่น ถ้าโดยรวมโอเคก็ถือว่าผ่านครับ
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีดูรถมือสองที่ควรรู้นะครับ ต้องเช็กรถให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะซื้อมา ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะจ่ายหนักไปกับค่าซ่อมที่บวกแล้วเยอะกว่าซื้อรถมือหนึ่ง ถ้าไม่มั่นใจเราแนะนำว่าอย่าไปคนเดียว ให้พาผู้เชี่ยวชาญไปช่วยดูด้วย จะได้ช่วยกันประเมินนะครับ