สำรวจพื้นที่ชีวิตของ ‘Faker’
พระเจ้าแห่งวงการอีสปอร์ต
ปัจจุบันในวงการ ‘อีสปอร์ต’ หรือกลุ่มผู้เล่นเกม League of Legends (LOL) คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘Faker’ ผู้ได้รับสมญานามว่า ‘พระเจ้า’ ด้วยการเล่นที่เก่งกาจ เฉียบแหลม ทำให้เขาก้าวมาเป็นผู้เล่นระดับโลกคนหนึ่งที่น่าจับตา และชนะการแข่งขันมากมายนับไม่ถ้วน แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ชีวิตของเขาเองผ่านอะไรมาไม่น้อย ไม่ต่างอะไรกับแชมเปียนส์หรือตัวละครในเกมที่เขาเล่น ซึ่งต้องเก็บค่าประสบการณ์มาตั้งแต่ศูนย์ แล้วค่าประสบการณ์ของ Faker เป็นอย่างไร มาสำรวจพื้นที่ชีวิตของเขาไปพร้อมกัน
จากเด็กรักการเล่นเกมธรรมดาๆ
สู่สมญานามพระเจ้าแห่งวงการอีสปอร์ต
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับวงการเกมหรือไม่ได้ติดตามการแข่งขันอีสปอร์ต ต้องมาเริ่มทำความรู้จักกันก่อนว่าเขาเป็นใคร Faker หรือ ‘Lee Sang-hyeok’ เป็นนักกีฬาอีปอร์ต ผู้เล่นเกม LOL ชาวเกาหลีใต้ ปัจจุบันเล่นให้กับทีม ‘SK Telecom T1’ (ทีมอีสปอร์ตในเกาหลีใต้) ในตำแหน่ง Mid Laner หรือผู้เล่นตำแหน่งเลนกลาง ซึ่งมีความสำคัญที่สุดในเกม เขาเป็นผู้เล่นหนึ่งในสองของประวัติศาสตร์การแข่ง ‘League of Legends World Championship’ ที่ชนะถึง 3 ครั้ง (ในปี 2013, 2015 และ 2016) และยังชนะในการแข่งอื่นๆ อีกมากมาย รวมเงินรางวัลที่เขาได้รับนั้นมากถึง 1 ล้าน 1 แสน ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 36 ล้านบาท ด้วยวัยเพียงยี่สิบต้นๆ เท่านั้น
Faker เกิดที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ปี 1996 เขาเป็นคนที่ชอบเล่นวีดีโอเกมมาตั้งแต่ยังเล็ก โดยเกมที่เริ่มต้นเล่นอย่างจริงจังคือเกม Warcraft III และเริ่มเล่นเกม League of Legends ในปี 2011 ด้วยความหลงใหลในกิจกรรมนี้ เขาจึงยอมลาออกจากโรงเรียนเพื่อไปเข้าร่วมทีม SK Telecom T1 นับว่าเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดมากสำหรับเด็กคนหนึ่ง จากนั้นชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นการทุ่มเทให้กับการเล่นเกมอย่างเต็มกำลัง
League of Legends เกมแห่งยุค
ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
หลังรู้จักตัวตนของ Faker แล้ว ต่อมาก็ถึงคิวต้องทำความรู้จัก ‘League of Legends’ เกมที่มีอิทธิพลและสร้างรายได้มหาศาล จนสามารถยกระดับเกมเมอร์ให้กลายเป็นนักกีฬาระดับโลก เกมนี้เป็นเกมแนว MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) ที่มีผู้เล่นมากที่สุดเกมหนึ่ง และมีการจัดแข่งขันใหญ่ทั่วโลกนับครั้งไม่ถ้วน กระทั่งขึ้นแท่นเป็นเกมที่มียอดผู้ชมมากที่สุดตลอดกาล ใน Twitch เว็บไซต์สตรีมเกมส์อันดับหนึ่งของโลก
เกมนี้มีวิธีการเล่นไม่ยาก แต่ต้องใช้ทักษะการเล่นสูง ซึ่งการเล่นจะแบ่งคนออกเป็นสองทีม ทีมละ 5 คน โดยเราสามารถเลือกแชมเปียนส์หรือตัวละครใดก็ได้เพื่อลงมาต่อสู้ (หรือตามการวางแผนของทีม) สำหรับตัวละครจะแบ่งเป็นหลายสาย ได้แก่ มือสังหาร (Assassin), ดาเมจกึ่งแทงค์ (Fighter), นักเวทย์ (Mage), เอดียิงไกล (Marksman), แทงค์ (Tank) และซัพพอร์ต (Support) เมื่อเลือกแชมเปี่ยนส์ได้แล้วก็จะต้องลงตำแหน่งที่ตนเองอยากเล่นหรือตามแพลนของทีม ซึ่งมีตำแหน่งให้เลือกดังนี้ เลนบน (Top Laner), เลนกลาง (Mid Laner), เลนล่าง (Bottom Lane), ฟาร์มป่า (Jungle) และซัพพอร์ต (Support) ทั้งนี้แต่ละตำแหน่งก็จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป จากนั้นก็เป็นการชิงป้อมของแต่ละฝ่าย ฝ่ายใดตีป้อมของศัตรูได้ก็จะเป็นผู้ชนะ จะเห็นได้ว่าวิธีการเล่นดูเหมือนไม่ยาก แต่ในเกมได้แฝงเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ มากมาย ซึ่งมีผลต่อการเล่น เช่น ระบบรูน การเลือกไอเทมมาสู้ ซึ่งจุดนี้ใครสนใจหรืออยากเริ่มเล่นบ้างต้องไปศึกษาเพิ่มเติม
ปัจจุบันเกมนี้มีการแข่งขันหลากหลายรายการ และมีหลายระดับ (Tier) ตามฝีมือการเล่นของคนในทีม โดยแมตช์ที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงมากหนีไม่พ้นการแข่งขันระดับนานาชาติ เช่น การแข่ง World Championship, Mid-Season Invitational, Rift Rivals และ All-Star ซึ่งทุกรายการมีเงินรางวัลนับล้านดอลลาร์เป็นเดิมพัน แมตช์ LOL จึงถือเป็นการแข่งขันที่มีรางวัลสูงสุดเกมหนึ่งสำหรับวงการอีสปอร์ตทั่วโลก
สมญานามพระเจ้า ไม่มีทางลัด
เพราะชีวิตคือการฝึกซ้อม
จากคำพูดของเขาทำให้เห็นว่าทั้งชีวิตเขามอบให้กับเกมนี้อย่างจริงจัง มากกว่าคนทั่วไปที่ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ย 8 ชั่วโมงต่อวันเสียอีก นอกจากการซ้อมทีมอย่างจริงจังแล้ว Faker ยังให้เวลากับแฟนคลับด้วยการสตรีมการเล่นผ่านช่องทาง Twitch ซึ่งเป็นช่องทางการหารายได้ของเขาอีกทางหนึ่ง ทั้งยังเป็นการสร้างความใกล้ชิดกับแฟนคลับด้วย
เคล็ด (ไม่) ลับนี้ เขาพูดถึงทุกครั้งไม่ว่าเขาจะสัมภาษณ์กับสื่อใด หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติของวงการอีสปอร์ต แต่ในแง่มุมของการลงมือปฏิบัติไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ แทรกอยู่เสมอ เช่น การวางแผนการเล่นที่รัดกุม, สุขภาพของนักกีฬา, การศึกษาแผนการเล่นของคู่ต่อสู้ รวมถึงเงินทุนที่ลงให้กับแต่ละทีม
‘การทุ่มเทให้กับสิ่งที่รักอย่างสุดกำลัง คุ้มค่าหรือมากด้วยความเสี่ยง’ คำถามนี้เชื่อว่าเป็นคำถามที่อยู่ในใจหลายคน เพราะมีบทเรียนไม่น้อยสำหรับคนที่ให้ทั้งชีวิตกับสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ก็ล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต คำถามนี้จึงไม่มีคำตอบที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับคุณเองเป็นคนนิยามมัน ว่าจะเรียนรู้กับมันอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด ‘การทุ่มเทให้กับสิ่งที่รักอย่างสุดกำลัง’ มันก็มีค่าด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว
ความสำเร็จที่ Faker ได้รับ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สามารถให้แรงบันดาลใจกับคนได้มหาศาล โดยเฉพาะกับคนที่รักการเล่นเกม แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครทุกคนจะมาถึงในจุดนี้ได้ โดยสิ่งที่แฝงเป็นบทเรียนและสร้างสิ่งดีๆ ต่อไปได้ก็คือ ‘ความมุ่งมั่นตั้งใจ’ สิ่งนี้เป็นค่าประสบการณ์ที่อยู่นอกเกม ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกสิ่งไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ก็ตาม