รักรถ ชอบรถ ต้องรู้
7 วิธีการบำรุงรักษารถยนต์ ที่ถูกต้อง
ทรัพย์สินที่มีมูลค่าและเป็นลูกรักมากที่สุดในชีวิตของผู้ชายอย่างเราก็คงหนีไม่พ้น ‘รถยนต์’ ซึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้รถอยู่กับเราไปได้นาน ๆ ก็คือการบำรุงรักษารถยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเสียหายก่อนสิ้นอายุการใช้งาน ทำให้ทาง Thomas อยากจะแชร์วิธีการดูแลรถยนต์ให้ทุกคน สามารถนำเอาไปใช้เพื่อยืดเวลาการใช้งานออกไปให้ยาวขึ้น และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสภาพได้ (อย่างน้อยก็ไม่เสียก้อนโตในทีเดียว) หรือถ้าอยากขายต่อก็จะขายได้ในราคาดีอีกด้วยครับ
7 วิธีเบื้องต้นในการดูแลรถยนต์ให้อยู่กับเราไปนาน ๆ
1. การบำรุงรักษารถยนต์ที่ง่ายที่สุดคือ “ตรวจเช็กลมยาง”
ยางรถยนต์ถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับการบํารุงรักษารถยนต์ ถ้าไม่หมั่นตรวจเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ อาจจะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้ทั้ง…
– สิ้นเปลืองน้ำมัน
– ยางเสื่อมสภาพได้ไว
– การเบรกและควบคุมรถยากขึ้น
– ยางระเบิด
ฉะนั้นการดูแลรถยนต์ให้อยู่กับเราไปนาน ๆ จึงควรหมั่นเช็กลมยางอยู่เสมอ อาจสังเกตสักหน่อยก่อนสตาร์ทรถ ดูที่ล้อยางทุกด้านว่าแฟ่บลงหรือไม่ และตรวจลมยางก่อนออกเดินทาง อย่าลืมที่จะเติมลมให้เรียบร้อยทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
2. ดูแลรถยนต์เป็นประจำด้วยการ “เช็กลมยางอะไหล่”
การบํารุงรักษารถยนต์ในส่วนของ ยางอะไหล่ ที่เป็นยางสำรองเพื่อใช้สำหรับเหตุฉุกเฉินเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับยางหลัก เช่น ยางระเบิด ยางบวม หรือยางซึม เป็นเรื่องที่ควรหมั่นตรวจสอบโดยเฉพาะเรื่อง ลมยางของอะไหล่ เพราะยางอะไหล่ที่ถูกเก็บอยู่ท้ายรถจะคายลมออกทีละน้อยอยู่ตลอดเวลา จึงควรเช็กเป็นอย่างน้อยเดือนละครั้ง และเติมลมยางให้มากกว่าปกติไว้สักเล็กน้อย
ข้อควรระวังในการใช้ยางอะไหล่
– ขึ้นชื่อว่าเป็น ยางอะไหล่ หมายความว่า เป็นยางที่เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น จึงไม่ควรใช้เหมือนกับยางปกติ และควรขับตามความเร็วที่คู่มือของรถยนต์ส่วนใหญ่แนะนำก็คือ ไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
– การเติมลมยาง ตามในหนังสือคู่มือการใช้รถที่มีระบุไว้คือ 45 – 50 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลมยางอ่อนเกินไป เมื่อต้องการจะหยิบมาใช้งานจริง เนื่องจากการเก็บยางอะไหล่ไว้นานโดยไม่ได้นำมาใช้ อาจจะทำให้เกิดการอ่อนตัวของยาง ซึ่งเราสามารถปรับลมยางให้อ่อนลงได้เมื่อเติมลมไว้ที่ 45 – 50 ปอนด์
3. “ตรวจเช็กที่ปัดน้ำฝน” ข้อดูแลรถยนต์ที่คนชอบลืม
เหตุผลของการบำรุงรักษารถยนต์ในส่วนของ ที่ปัดน้ำฝน มีความสำคัญเพราะ เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ยางปัดน้ำฝน อาจมีการเสื่อมสภาพ ซึ่งมีสาเหตุมาจาก…
– มีสิ่งสกปรกและหินทรายละเอียดอยู่ระหว่างยางใบปัดกับกระจก ทำให้เกิดการสึกหรอ
– เมื่อผ่านการใช้งานนาน ๆ การยืดหยุ่นของยางใบปัดจะลดลง และจะเกิดความบกพร่องในการปัด เนื่องจากหน้าสัมผัสระหว่างยางใบปัดกับกระจกไม่ดี
หากใบปัดน้ำฝนเกิดอาการสั่น เต้น หรืออาการอื่น ควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่ทันที และอย่าลืมเติมน้ำฉีดกระจกปัดน้ำฝน พร้อมกับหมั่นตรวจที่ปัดน้ำฝนและกระจกปัดน้ำฝน ประมาณเดือนละครั้ง โดยการเปิดฝากระโปรงรถ สังเกตสัญลักษณ์ที่ปัดน้ำฝน เพื่อหาถังน้ำที่ฉีดกระจก เปิดฝา เติมน้ำสะอาดลงให้ถึงขีดที่กำหนด เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย
4. การบำรุงรักษารถยนต์ต้อง “เช็กสภาพภายในห้องเครื่อง”
หัวใจสำคัญของการดูแลรถยนต์ก็ต้องเป็นภายในห้องเครื่อง ควรหมั่นตรวจเช็กสภาพ โดยมองดูและสังเกตรอบ ๆ ว่า มีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น
– ท่อยางหม้อน้ำมีคราบน้ำซึมหรือไม่
– สายไฟภายในห้องเครื่องเรียบร้อยดีไหม
– มีคราบน้ำมันเครื่องรั่วซึมหรือเปล่า
– เช็กระดับน้ำหล่อเย็นให้อยู่ในระดับ Full เสมอ
– เช็กระดับน้ำกลั่นแบตเตอรีให้อยู่ในตำแหน่ง UPPER/LEVEL และไม่ควรเติมเกิน
– เช็กระดับน้ำมันเบรคควรอยู่ที่ระดับ MAX เสมอ
– เช็กสภาพของสายพาน ถ้าพบรอยแตก ควรเปลี่ยนทันที
5. “เช็กน้ำมันเครื่อง” เป็นประจำ ช่วยในการบำรุงรักษารถยนต์
ดูแลรถยนต์จะต้องไม่ลืม ตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง แนะนำว่าควรเช็กทุก 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อประเมินสภาพและวัดระดับปริมาณน้ำมันเครื่องให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
การตรวจเช็กน้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง ควรทำการวัดหลังจากดับเครื่องไปแล้ว 2 – 3 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงด้านล่างก่อน แล้วทำตามวิธี ดังนี้
– ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา แล้วใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัด
– เสร็จแล้วเสียบก้านวัดน้ำมันเครื่อง คืนกลับจุดเดิม
– ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบ ระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min แสดงว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติ
6. หนึ่งในการบํารุงรักษารถยนต์ที่ทำให้อยู่ไปได้อีกนาน “รักษาความเร็วในการขับรถ”
ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าเราขับรถเร็ว ๆ ทำให้ต้องใช้เบรกมากขึ้น ส่งผลให้ยางรถเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การรักษาความเร็วในการขับรถให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ จึงมีส่วนช่วยยืดอายุของเบรกได้ นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอีกด้วยนะครับ
7. “ปรับพฤติกรรมการขับรถ” ช่วยยืดอายุและดูแลรถยนต์ให้แข็งแรง
ใครที่ยังติดนิสัยใช้เท้าทั้งสองข้างเหยียบเบรกอยู่ แม้จะขับเกียร์ออโต้แล้วกก็ตาม แนะนำให้เลิกพฤติกรรมนี้จะดีกว่า เพราะ มันทำให้เบรกเสียและเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด ส่วนใครที่ขับเกียร์ธรรมดา แล้วชอบเหยียบคลัช โดยไม่จำเป็นบ่อย ๆ ก็ทำให้คลัชพังเร็วได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าเบรกหรือคลัชเสียขึ้นมาล่ะก็… ค่าซ่อมไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะครับว่ามั้ย การบํารุงรักษารถยนต์เบื้องต้นที่เราทำได้ง่าย ๆ ลองมาเปลี่ยนพฤติกรรมกันก่อนจะดีกว่า ฝึก ๆ ไปเดี๋ยวก็จะชินและเลิกทำไปเองแหละครับ
ผู้ชายรักรถยนต์ก็ต้องดูแลรถยนต์อย่างถูกวิธีกันด้วยนะครับ เพื่อให้เขาอยู่กับเราไปนาน ๆ และถ้าใครเป็นสายชอบสะสมรถเก่า หรือชอบเสน่ห์ของรถมือสอง ห้ามพลาด คลิก ไขความลับ ‘วิธีดูรถมือสอง’ เช็กยังไงให้ได้ของดี ไม่ถูกตีเนียน รับรองว่าไม่โดนย้อมแมวแน่นอน